พรรคประชาธิปัตย์งัดอาวุธใหม่ แต่เก่าคร่ำครึ พอๆกับอายุพรรค ซัดเข้าใส่ศัตรูทางการเมืองอีกแล้ว
นั่นคือข้อหาคอมมิวนิสต์
โทรโข่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองการแต่งชุดคอสเพลย์ เข้ามอบตัวกับตำรวจของนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำนปช.นครศรีธรรมราชว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ
นอกจากนี้ ยังระบุว่ามีแกนนำกลุ่มไทยรักไทยเดิมฝักใฝ่ พยายามจะฟื้นฟูและดำเนินแนวทางเดียวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
พร้อมกับเชื่อมโยงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าอาจจะต้องจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้
พรรคประชาธิปัตย์กำลังสนุกสนานอยู่กับการผลักคู่แข่งทางการเมือง และผลักกลุ่มคนเสื้อแดงให้ไปอยู่ฟากหนึ่ง
ด้วยการปลุกผีคอมมิวนิสต์ขึ้นมาอีกครั้ง
นั่นคือยัดข้อหาล้มล้างทุกสถาบัน ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ถ้าหากจะไล่ต้อนกันจริงๆ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ นายประพันธ์ คูณมี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ หรือแม้แต่นายสุทัศน์ เงินหมื่น ก็คงไม่มีทางอยู่พรรคนี้ได้
แทนที่จะหาวิธีสร้างความสมานฉันท์ ประสานรอยร้าวที่ลงรากลึกในสังคมไทยในขณะนี้
แต่กลับขยายบาดแผลให้กว้างขึ้น เหมือนต้องการจะให้เกิดสงครามประชาชนขึ้นมาอีกหรืออย่างไร
สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯพูดว่าจะสร้างความสามัคคีปรองดอง ลดช่องว่างความรู้สึกเรื่อง 2 มาตรฐาน กลับกลายเป็นเรื่องที่ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดอีกอย่าง
ข้ามหัว ฉีกหน้าหัวหน้าพรรคตัวเองไปได้
ไม่เท่านั้น ที่ผ่านมามีการส่งทหารลงพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน ไปเรียกประชุมแกนนำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับยัดข้อมูลด้านเดียว
ไปเจออะไรบ้าง ชาวบ้านมีปฏิกิริยาต่อทหารและรัฐบาลอย่างไร ชี้แจงแล้วเขาฟังหรือเปล่า ได้ผลหรือไม่ คงได้รู้เห็นมากับตาตัวเองแล้ว
รัฐบาลต้องการสลายสีเสื้อ ให้คนไทยกลับมาสมัครสมานสามัคคีกัน แต่ไล่ต้อนแจ้งข้อหา เอาเป็นเอาตายกับเสื้อแดง กลับละเลยกับอีกสี ไม่กล้าแตะ เพราะเส้นใหญ่
ก็เลยยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ไม่มีทางจะสมานบาดแผลความขัดแย้งลงได้
ยิ่งคนในพรรครัฐบาล ขยันปั้นน้ำ มันปาก ออกมาปลุกผีที่แทบจะหมดฤทธิ์ไปแล้วขึ้นมาใหม่
ปัญหาต่างๆ ก็จะยิ่งยุ่งขึ้น!?