อภิสิทธิ์ จวก ทักษิณ ไม่เข้าใจจริยธรรม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2549 17:25 น.
มาร์ค ซัด แม้ว ทำให้กระบวนการการเลือกตั้ง และกระบวนการทางศาลไม่เป็นที่ยอมรับ ย้ำไม่รับข้อเสนอ ไม่ว่าแค่ควรฉุกคิดทบทวนบ้าง จะแก้ปัญหาตรงไหน ลั่น ทักษิณ ไม่ได้ถอย หรือเปิดใจอะไรตามที่ประกาศบนเวที แถมยังใช้อำนาจรัฐไม่เกรงกลัว กม.เลือกตั้ง ชี้ชัดปัญหาอยู่ที่ตัว นายกฯ ไม่รู้ว่าจริยธรรมคืออะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.00 น. แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองเลขาธิการพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายสาวิตต์ โพธิวิหค อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา
จากนั้นเวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงข้อเสนอของนักวิชาการ และหลายๆ ฝ่ายต้องยอมรับว่าข้อเสนอเกือบทั้งหมดมีโจทย์ใหญ่เรื่องตัวนายกฯ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและปัญหาที่ค้างคาใจประชาชนยังไม่ได้รับการแก้ไขด้วยการเลือกตั้ง แต่มีความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้การเลือกตั้ง หรือการใช้กระบวนการของศาลไม่เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะประชาชนจำนวนมากที่ยังเรียกร้องหรือชุมนุมอยู่เนื่องจากปัญหายังไม่ได้หมดไป
นอกจากนี้ ในการปราศรัย นายกฯ ไม่ได้ชี้แจงประเด็นที่ถูกสงสัยจริงๆ และพยายามสร้างความรู้สึกว่าถอยหรือจะยอม แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งจะเห็นว่าบรรดานักวิชาการที่ออกมาเสนอแนะกลับถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ทั้งที่เป็นความปรารถนาดีของแต่ละฝ่ายที่พยายามเสนอทางออกให้สังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่านายกฯ ควรตอบรับข้อเสนอของนักวิชาการอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯ ไม่จำเป็นต้องตอบรับข้อเสนอของใคร เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าลองพิจารณาดูว่าทำไมจึงต้องมีข้อเสนอต่างๆ มากมาย และในข้อเสนอเกือบทั้งหมดจึงต้องมีเงื่อนไขเกี่ยวกับตัวท่าน ซึ่งจะรับหรือไม่ก็ตามแต่อย่างน้อยควรฉุกคิดและทบทวนดูว่าจะแก้ปัญหาตรงไหน แต่ที่ผ่านมา นายกฯ ไม่เคยถอยอะไรเลย และไม่เคยพิจารณาสิ่งที่คนอื่นพูดอย่างจริงจัง และใช้วิธีท้าทายในเรื่องหากได้คะแนนเลือกตั้งไม่ถึง 50% ก็จะไม่รับตำแหน่งนายกฯ แล้วให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย หรือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยแทน
ทั้งนี้ ตนอยากย้อนถามว่า แล้วปัญหาแก้ได้หรือไม่ โดยพยายามให้คนคิดต่อว่าแล้วใครจะเป็นนายกฯแทน แล้วคนเหล่านี้นายกฯ สั่งได้หรือไม่ นอกจากนี้การปฏิรูปการเมืองก็ไม่มีความชัดเจน
พรรคไทยรักไทยในสภาชุดที่แล้ว ลำพังเพียงพรรคเดียวมี 377 เสียง สามารถเขียนรัฐธรรมนูญได้ตามใจชอบ แต่กลับไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วมายุบสภา ยังจะมาบอกว่าจะกลับไปแก้รัฐธรรมนูญทั้งที่อำนาจอำนาจเต็มอยู่แล้วก่อนประกาศยุบสภา ดังนั้น นายกฯจึงไม่ได้ถอย แค่พูดให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่าถอย ซึ่งเป็นแค่การพูดบนเวทีเท่านั้น ไม่มีการปฏิบัติจริง โดยเบี่ยงเบนไปจากประเด็นหลักที่ประเทศชาติต้องหาคำตอบในวันนี้เกี่ยวกับตัวนายกฯทั้งหมด และในที่สุดที่บอกว่าจะเปิดใจแต่ไม่มีอะไรเลย นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีหลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยเฉพาะการกระทำผิดกฏหมายและคำวินิจฉัยของ กกต.ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปทางการเมือง เพราะว่าแม้มีพรรคการเมืองใหญ่ลงสมัครพรรคเดียว แต่การกระทำที่ท้าทายกฏหมายเลือกตั้งยังมีตลอด
โดยคำปราศรัยของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมามีหลายช่วง รวมทั้งวิธีการโฆษณา หรือจัดการปราศรัยมีเรื่องการใช้อำนาจรัฐเข้าไปคาบเกี่ยว ซึ่งมีเรื่องบอกว่าพรรคไทยรักไทยไม่ได้เกรงกลัวต่อกฏหมายเลือกตั้งด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทย ระบุว่า นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาของนายอภิสิทธิ์ ได้นำเสนอทางออกเพิ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายค้านนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอของนายสุรพลไม่ได้มุ่งเน้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายใด แต่เป็นความเห็นว่าน่าจะมีทางออก ซึ่งเป็นความปรารถนาดี แต่เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายที่จะรับไว้พิจารณา ข้อเสนอดังกล่าวมีหลายขั้นตอนเพียงแต่บังเอิญขั้นตอนแรกอยู่ที่นายกฯ
ทั้งนี้ นายสุรพลเป็นคนที่ใส่ใจปัญหาของบ้านเมือง และให้ข้อคิดทางกฎหมาย ไม่ใช่เฉพาะตนหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะในสมัยที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นายสุรพลก็ยังเคยมาเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคความหวังใหม่ และพรรคชาติพัฒนา และแสดงความคิดเห็นอย่างนี้มาโดยตลอด นี่คือ อีกตัวอย่างหนึ่งว่าพรรคไทยรักไทยจะไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้นและพยายามหาวิธีการลดความน่าเชื่อถือ ป้ายสี แบ่งข้าง ขีดเส้นตลอดเวลา
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทย ระบุว่า หากการชุมนุมเกิดความรุนแรงขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องมีส่วนรับผิดชอบนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าฝ่ายค้านจะลงสมัครเลือกตั้งหรือไม่ เพราะหากฝ่ายค้านลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่การชุมนุมของประชาชนที่ท้องสนามหลวงก็ยังมีอยู่ เพราะเป็นการชุมนุมกันในเรื่องความไม่ชอบธรรมของตัวนายกฯ
อย่างไรก็ตาม จุดยืนของฝ่ายค้านก็เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดของสังคม โดยไม่ยอมจำนนต่อการเลือกตั้งมาเป็นสาระ และเอาภาษีของประชาชนมาฟอกตัวหนีการตรวจสอบทุจริต ทั้งนี้ เวลานี้เรื่องประเด็นการเลือกตั้งเป็นประเด็นรอง เหตุการณ์ต่างๆ กำลังพิสูจน์เรื่องที่พรรคพูดว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกของปัญหา หรือแม้แต่ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะลงรับสมัครเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่สาระของปัญหา แต่ปัญหาที่รอคำตอบ และการแก้ไขอยู่ที่เรื่องของตัวนายกฯ
เมื่อถามว่า จะหาทางออกอย่างไรในเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมลาออก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องการลาออกหรือไม่ลาออก เพราะการยอมรับปัญหายังไม่เกิด เนื่องจากปัญหาก็คือตัวนายกฯ เองยังไม่ทราบว่าจริยธรรมคืออะไร