คมชัดลึก : รัฐเล็งอัดฉีดกว่าแสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เน้นจ้างงานรากหญ้าระยะสั้นทั่วประเทศ คาดเดินหน้า 1 ต.ค.นี้ เผยถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า-การเมืองรุนแรง เตรียมแจกหัวสองพันอีก มุ่งคนตกงาน-เกษตรกร
เมื่อวันที่ 26 เมษายน แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษาอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยจะอัดฉีดเม็ดเงินลงเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งเป็นโครงการลงทุนภาครัฐขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานระยะสั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ วงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท จะเน้นโครงการที่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในระยะสั้น ที่กระจายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เกิน 15 เดือน โดยแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จะมีทั้งเงินกู้จากต่างประเทศ และเงินงบประมาณ
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะอัดเม็ดเงินให้ประชาชนโดยตรง เหมือนการจ่ายเช็ค 2,000 บาท ให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือนอีกรอบ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และผลกระทบจากปัญหาการเมืองรุนแรง คาดว่างบประมาณที่ใช้จะใกล้เคียงกัน หรืออาจจะมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะนำเงินกู้จากต่างประเทศในส่วนของธนาคารโลก หรืองบประมาณปี 2553 มาใช้ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะกันเงินกู้จากธนาคารโลกส่วนหนึ่งมาใช้ เพราะมีเงื่อนไขกำหนดให้รัฐบาลสามารถนำเงินกู้ไปใช้จ้างงาน เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมได้
"รัฐบาลเตรียมแผนจะอัดฉีดให้กลุ่มของผู้ว่างงาน และเกษตรกรเป็นหลัก โดยกำหนดให้กลุ่มคนเหล่านี้รับจ้างทำงานให้รัฐบาล เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วรัฐบาลจะจ่ายเงินสดให้ เช่น รับจ้างปลูกต้นไม้ ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในโครงการขนาดเล็กของรัฐบาล และการอัดฉีดเงินใส่มือประชาชน จะทำให้เม็ดเงินกระจายลงไปในพื้นที่ได้เร็วกว่าการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้เวลานาน" แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนแนวทางการจัดหาแหล่งเงินมาใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 3 ปี จำนวน 1.56 ล้านล้านบาท ล่าสุดกระทรวงการคลังเห็นว่า การจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือ อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ (Infrastructure Fund) โดยนำรายได้จากเงินปันผลของรัฐวิสาหกิจ ที่นำส่งกระทรวงการคลัง มาเป็นทุนจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน เพื่อระดมทุนจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยทำได้ยาก กระทรวงการคลังจึงต้องศึกษาการระดมทุนในรูปแบบอื่นเพิ่มเติม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์นี้
ด้าน นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียง กล่าวว่า ขณะนี้ได้อนุมัติงบประมาณรอบแรกให้ชุมชนไปแล้ว 3,622 โครงการ จำนวน 1,000 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 21,200 ล้านบาท โดยวันที่ 30 เมษายนนี้ จะเสนอให้คณะกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียง ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธาน พิจารณาอนุมัติโครงการที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรอบสอง ประมาณ 2 หมื่นโครงการ วงเงิน 6,000 ล้านบาท
หลังจากเริ่มเปิดตัวโครงการไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น อีกทั้งมีการปรับหลักเกณฑ์การเสนอโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณใหม่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจของชุมชน
“จากการประเมินพบว่า มีชุมชนที่ไม่เข้าใจมีมากกว่า 50% ทางสำนักงานได้ส่งหนังสือให้ชุมชนรับทราบว่า จะมีศูนย์ฝึกอบรมทั่วประเทศ 100 ศูนย์ ใช้เวลาอบรมหลัก 3 วัน เพื่อให้ตัวแทนชุมชนที่เข้ามาฝึกอบรมสามารถเขียนโครงการขอใช้งบประมาณกับรัฐบาลได้ทันที โดยรัฐบาลจะจ่ายค่าฝึกอบรมให้ศูนย์ที่มีตัวแทนชุมชนเข้ารับการอบรมรายละ 500 บาท คาดว่าจะเริ่มได้ทันทีต้นเดือนพฤษภาคมนี้” นายสุมิทกล่าว
นายสุมิทกล่าวอีกว่า ในปีแรกของการดำเนินโครงการชุมชนพอเพียง จะมีชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ประมาณ 30% จาก 8.2 หมื่นชุมชนทั่วประเทศ ปีที่สองจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ส่วนที่เหลือจะต้องใช้วิธีพิเศษในการพัฒนาในปีต่อไป