ต้นกล้าอาชีพส่อสะดุด "กอร์ปศักดิ์" ครวญโดนตัดงบฯไม่มั่นใจระยะที่สองจะมีเงินเพียงพอดำเนินการหรือไม่ เผยได้มากที่สุดแค่ 3 พันล้านจากเป้า 7 พันล้าน ปฏิเสธรบ.ไม่มีเงินจึงตัดงบประกันสุขภาพฯ แจงเหตุขอมากเกินไป
ภายหลังรัฐบาลประเมินการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นจำนวนเงิน 2.5 แสนล้านบาท ทำให้ต้องปรับประมาณการรายได้ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 จากวงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท เหลือเพียงแค่ 1.3 ล้านล้านบาท และต้องปรับลดวงเงินงบประมาณรวมลงจาก 1.9 ล้านล้านบาท เหลือ 1.7 ล้านล้านบาท หรือลดลง 2 แสนล้านบาท ในส่วนงานโครงการต่างๆ อาทิ งานด้านการจ้างที่ปรึกษา การอบรมดูงานต่างประเทศ การเลื่อนอนุมัติงบประมาณโครงการชุมนุมเศรษฐกิจพอเพียง จากปี 2553 ไปเป็นปี 2554 นั้น
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 25 เมษายนว่า งานนโยบายของรัฐบาลที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับลดงบประมาณดังกล่าว นอกเหนือจากโครงการชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังจะมีโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนหรือโครงการต้นกล้าอาชีพรวมอยู่ด้วย
"โครงการต้นกล้าอาชีพมีเป้าหมายฝึกอาชีพให้กับผู้ว่างงาน 5 แสนคน กำหนดให้ใช้งบฯในปี 2552 จำนวน 6,900 ล้านบาท และปี 2553 อีก 7,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้การดำเนินงานในระยะที่ 2 ช่วงครึ่งปีหลัง ไม่แน่ใจว่าจะมีเม็ดเงินเพียงพอหรือไม่ ผมคิดว่าอาจจะจัดงบฯให้ได้แค่ครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น คงไม่ได้เต็มสูบเหมือนเดิม"รองนายกฯกล่าว
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า สำหรับการปรับลดงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการรักษาฟรีทุกโรค ประจำปี 2553 เหลือ 2,406 บาท หรือลดลงจากที่เสนอขอหัวละประมาณ 300 บาทนั้น ยืนยันว่าเหตุผลการกำหนดอัตราเหมาจ่ายรายหัวในโครงการนี้ เหลือเพียง 2,406 บาท ไม่ได้มาจากปัจจัยเรื่องรายได้ที่ขาดหายไป
"การพิจารณาเรื่องนี้มีหลักอยู่ที่ตัวเลขที่มีการเสนอขอมามันเยอะมาก เพราะงบประมาณส่วนนี้มีการปรับเพิ่มขึ้นทุกปี เราจึงไม่แน่ใจว่าตัวเลขมันใช่ตามที่เสนอมาหรือเปล่า และเป็นการพิจารณาตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วยก็เท่านั้นเอง"นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการต้นกล้าอาชีพมีเป้าหมายเปิดฝึกอบรมผู้ว่างงานเข้าร่วมโครงการ 5 แสนคน แบ่งเป็นการอบรมในช่วงปี 2552 จำนวน 2.4 แสนคน ใช้งบประมาณ 6.9 พันล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2553 จะเปิดฝึกอบรมเพิ่มอีก 2.6 แสนคน ซึ่งเดิมจะใช้งบประมาณจำนวน 7 พันล้านบาท แต่หากมีการปรับลดงบประมาณลงจะส่งผลให้เป้าหมายผู้ฝึกอบรมต้องลดลงกว่าครึ่ง
ขณะที่นายมาร์ค โมเบียส ประธานบริหารกองทุนผู้บริหารกองทุนบริหารความเสี่ยงระดับโลก กล่าวระหว่างร่วมเสวนา "เศรษฐกิจไทย ฟื้นได้จริงหรือ"ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดขึ้น ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ ว่า ประเทศไทยยังมีความน่าใจในการลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นเป็นราคาสมเหตุสมผล และยังมีศักยภาพจะทำกำไร ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองโดยส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อการลงทุนในไทย จากประสบการณ์ที่เข้ามาลงทุนในไทยกว่า 20 ปี การลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์อยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกถือว่าตกต่ำถึงจุดต่ำสุดแล้ว เชื่อว่าสัญญาณฟื้นตัวน่าจะได้เห็นในต้นปีหน้า
สำหรับเศรษฐกิจไทยอาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่คงไม่รุนแรงเท่าภาวะเศรษฐกิจโลก เนื่องจากภาครัฐและเอกชนไทยต่างเรียนรู้เป็นอย่างดีแล้วจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 จึงมีการเตรียมตัวที่ดี โดยเฉพาะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีอยู่ในระดับสูง ขณะที่หนี้สาธารณะถือว่ายังอยู่ระดับค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากฝากไว้สำหรับการลงทุนในประเทศไทยมีอยู่ 2 ประเด็น 1.การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ควรเร่งดำเนินการเพื่อนำหุ้นมานำเสนอขายให้กับประชาชน 2.รัฐบาลควรเร่งลงทุนภายในประเทศ ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โดยไม่จำกัดการลงทุนเฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ควรลงทุนกระจายไปทั่วประเทศ
"ในตลาดกองทุนเอเชียฟันด์ ไทยยังถือว่าอยู่ในอันดับหนึ่งที่น่าลงทุน ราคาหุ้นในขณะนี้ถือว่าถูกที่สุด สำหรับกองทุนของผมพร้อมจะลงทุนในไทยในปีนี้ 2 พันล้านเหรียญ และหากมีการระดมทุนเพิ่มก็พร้อมจะมีการลงทุนเพิ่มเติมเช่นกัน เพราะเห็นโอกาสการลงทุนในไทยยังมีศักยภาพด้วยอัตราผลตอบแทนที่ปัจจุบันอยู่ที่ 20% สามารถเพิ่มขึ้นถึง 22% "นายโมเบียสกล่าว
นายโมเบียสกล่าวว่า นอกจากนี้ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนที่คาดว่าจะขยายตัว 7-8% ถือว่าเป็นอัตราเติบโตสูงที่สุด ประเทศไทยน่าจะได้ประโยชน์ในจุดนี้โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปยังจีน
นายวิเชษฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองไทยโดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์สงบลงทุนไปในระดับที่น่าพอใจ แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นความเชื่อมั่น ซึ่งการที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยกลับคืนมา ทำให้นักธุรกิจเดินทางเข้ามาทำธุรกิจอย่างมั่นใจมากขึ้น และหากการเมืองนิ่งก็คาดว่าความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทยดีจะดีขึ้น
"หากปี 2552 การเมืองดีขึ้นก็คิดว่านักลงทุนจะกลับมามองเมืองไทยอีกครั้ง เพราะนักวิเคราะห์ระบุว่าแหล่งที่น่าลงทุนคือเอเชีย และจากการที่เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 ถึงต้นปีหน้า เอเชียและไทยจะเป็นจุดน่าสนใจลงทุน"นายวิเชษฐกล่าว
ต้นกล้าอาชีพเฉาแน่คาดถูกตัดงบฯ4พันล้าน รองนายกฯปัดรบ.บ่จี๊ตัดงบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ต้นกล้าอาชีพเฉาแน่คาดถูกตัดงบฯ4พันล้าน รองนายกฯปัดรบ.บ่จี๊ตัดงบประกันสุขภาพถ้วนหน้า



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday