คมชัดลึก :ทบ. เผย ทหารยังตรึงกำลังรปภ.แม้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ห่วงเสื้อแดงชุมนุม มั่นใจทุกคนมีบทเรียน ยัน"อนุพงษ์" ตอบชัดเหตุสลายม็อบ ไม่หนักใจถูกตรวจสอบ ลั่นยินดีแจงทุกกรณี
(25เม.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการปรับลดกำลังทหาร ในการดูแลสถานการณ์ภายหลังมีการยกเลิกการประกาศพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่กทม.และปริมณฑล ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร้องขอการปฏิบัติมายังฝ่ายทหารแล้ว ในเรื่องการรักษาพื้นที่ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีการคงกำลังทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศอยู่ส่วนหนึ่ง เพื่อดูแลความปลอดภัย
ส่วนจำนวนกำลังขอสงวนไม่ระบุ ส่วนในพื้นที่อื่น จะเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนเป็นหลัก ได้แก่ สาธารณูปโภค พื้นที่คมนาคมสำคัญ และจุดต่างๆ ที่เราเห็นว่าน่าจะสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนซึ่งมีการจัดกำลังไปดูแล โดยกำลังส่วนใหญ่ จะเป็นเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร ในช่วงเวลากลางคืน จะมีความเข้มข้นมากกว่าช่วงกลางวัน เพราะทางตำรวจได้ร้องขอมา อีกอย่างคือ กองทัพอยากให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจ
ส่วนความเข้มข้นของการคงกำลัง เช่นจำเป็นต้องมีการติดอาวุธให้กำลังทหารให้ระดับใดนั้น ส่วนใหญ่เป็นสารวัตรทหาร ที่จะมีเพียงอาวุธปืนประจำกายตามปกติ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารปกติ ที่ออกไปตามพื้นที่ต่างๆนั้นไม่มีอาวุธ จะเน้นเป็นพิเศษในพื้นที่กทม.เป็นหลัก เพราะในพื้นที่ปริมณฑล ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทั้งหมดจากการประเมินข้อมูลทั่วไป ทั้งจากสื่อ และฝ่ายข่าวของกองทัพ
“จากการประเมินสถานการณ์ เชื่อว่าวันนี้ จากความรู้สึกนึกคิดของประชาชน อาจจะมีความรู้สึกว่า แต่ละส่วนแต่ละฝ่ายยังไม่ลงตัวกันนัก แต่กองทัพเชื่อว่า ด้วยสถานการณ์ที่ผ่านมา ทุกฝ่ายจะได้บทเรียน ไม่ว่ารัฐบาล กองทัพ ผู้ชุมนุม หรือประชาชนทั่วไป ทุกคนจะรู้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นส่งผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองอย่างไร เชื่อมั่นว่า ทุกคนได้รับบทเรียนแล้ว ในการดำเนินการต่างๆจากนี้ไป จึงไม่น่ามีความวุ่นวายถึงขนาดช่วงที่ผ่านมา คิดว่าทุกคนคงช่วยกันประคับประคองบ้านเมือง ให้เดินไปได้อย่างดีที่สุด เท่าที่ทุกคนจะทำได้”โฆษกกองทัพบกกล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(กอฉ.) ซึ่งตั้งตามการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินถือว่าได้ยุติการทำงานไปตามการประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ยังมีศูนย์ปฏิบัติการของกองทัพ ที่ทำหน้าติดตามสถานการณ์ร่วมกับตำรวจ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเมื่อมีการร้องขอเพิ่มเติม การปฏิบัติต่างๆหลังจากนี้ของกองทัพ จะขึ้นกับการร้องขอจากฝ่ายตำรวจ
ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเริ่มก่อตัวชุมนุมอีกครั้งที่ท้องสนามหลวงนั้น ในเรื่องการชุมนุมเป็นสิทธิ เราคงไปทำอะไรไม่ได้มาก คงต้องติดตามสถานการณ์การชุมนุมไป เชื่อว่าทุกคนคงรู้หน้าที่ของตัวเองอยู่แล้วว่า การชุมนุมแม้ทุกคนจะทำได้ แต่ก็ต้องอยู่ในของเขตของกฎหมาย แต่ที่ผ่านมา เกินขอบเขตมาโดยตลอด แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ทุกคนอะลุ้มอหล่วยช่วยเหลือกัน อะไรที่หนักนิดเบาหน่อย ก็พอจะอะลุ้มอล่วยกันได้ เจ้าหน้าที่ก็พยายามที่สุด ที่จะให้ทุกคนเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้การดำเนินการต่างๆ จะปิดการจราจรหรือใดๆ ขอให้คำนึงถึงคนอีกหลายๆคน และขอให้เคารพสิทธิของคนอื่นด้วย
เมื่อถามว่า หน่วยข่าวกองทัพประเมินหรือไม่ว่า การกลับมาชุมนุมอีกครั้งนี้ จะพัฒนาการไปสู่จุดที่น่าเป็นห่วงอีกหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ในช่วงนี้คงอยู่ในระดับที่ไม่น่ามีความกังวล เมื่อถามกรณีรัฐบาลเตรียมหารือวิป 3 ฝ่าย เพื่อตั้งกรรมการขึ้นมารวบรวมข้อเท็จจริงเหตุการณ์การใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 เมษายน เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของสังคม พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ ทุกคำถาม มีคำตอบที่ชัดเจนแล้วต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการตอบในสภา หรือการชี้แจงโดยผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หรือตน ทำให้เชื่อมั่นว่า สังคมโดยส่วนรวมเข้าใจทุกกรณีทุกประเด็น
“แต่ถ้าหากในกรรมาธิการ หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสภาทั้งหลาย จะขอข้อมูลเพิ่มเติม กองทัพก็ยินดี และที่ผ่านมา เมื่อเชิญมาทุกครั้ง กองทัพก็ไม่เคยปฏิเสธ ไปชี้แจงทุกครั้ง เราพร้อมรับการตรวจสอบ เพราะเรามั่นใจว่า สิ่งที่เราทำไปนั้น มันไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ทุกฝ่ายเป็นพยานได้ โดยเฉพาะสื่อมวลชน ไม่มีใครบังคับสื่อมวลชนได้ ตรงนี้เรามั่นใจ จึงทำให้เราพร้อมรับการตรวจสอบในทุกกรณี กองทัพไม่ได้หนักใจเลย”โฆษกกองทัพบกกล่าว
เมื่อถามว่า ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มีคณะกรรมการกลางขึ้นมาสร้างความกระจ่างให้สังคม จากการตั้งคำถามของฝ่ายค้าน พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ถูกต้อง แต่ถ้าเป็นไปได้ ในโอกาสต่อไปข้างหน้า ถ้ามีเรื่องหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารต้องออกปฏิบัติภารกิจ เราก็อยากเชิญฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรทั้งหลาย ที่พอจบภารกิจแล้วก็ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ มาร่วมกับเราตั้งแต่ต้นในระหว่างเหตุการณ์ด้วย ให้มาช่วยเราคิดว่า ถ้าสถานการณ์แบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารควรปฏิบัติอย่างไร ทุกคนถึงจะปลอดภัย แล้วตัวผู้มาตรวจสอบเอง ก็จะคลายสงสัย คิดว่าน่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป อยากให้มาร่วมกันตั้งแต่ต้น อย่ารอให้จบปัญหาแล้วค่อยมาถาม ให้มาช่วยคิดด้วย
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงการดูแลการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง วันนี้(25 เม.ย.) ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานมายัง3 เหล่าทัพ เพื่อขอกำลังทหารสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในทำเนียบรัฐบาลแล้ว ส่วนพื้นที่อื่น ๆ จะเป็นในส่วนของจุดที่เนเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ หน่วยงานด้านสาธารณูปโภค ซึ่งเหล่าทัพได้ให้การสนับสนุนกำลังในส่วนของสารวัตรทหาร และกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ปราศจากอาวุธ โดยการดูแลในภาคกลางคืนจะเข้มข้นหว่าภาคกลางวัน เนื่องจากให้ความสำคัญกับความลปอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก
“การดูแลการชุมนุมจะใช้กฎหมายปกติ ตำรวจเป็นผู้ดูแล ที่ผ่านมาความรู้สึกของแต่ละฝ่ายอาจยังไม่ลงตัว แต่ทุกฝ่ายก็ได้บทเรียนกันมาแล้ว ใครคิดจะทำอะไร ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก อย่าทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อน ขอให้ชุมนุมตามกรอบของรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ทหารคงติดตามสถานการณ์ไป คิดว่าไม่น่าจะมีความรุนแรง ที่ผ่านมา พยายามอะลุ่มอะล่วยกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อดทนกันไป เพราะอยากให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้”โฆษกกองทัพบก