ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ ย่อมหนีไม่พ้นข้อครหาที่เกิดจากความคิดของคนที่แตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย
เกิดปัญหาความเป็น 2 มาตรฐานขึ้นหรือไม่!!?
เพราะในห้วงระยะนี้ การดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อความวุ่นวายในเมืองกรุง ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและจริงจัง ถูกตามจับกุมอย่างเอาเป็นเอาตาย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แล้วที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองบุกยึดสนามบิน 2 แห่ง เดินขบวนปิดถนน ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดสักเท่าไหร่
จึงกลายเป็นข้อกังขาคาใจ!!?
เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จึงเปิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวในกรณีที่ตำรวจถูกกล่าวหา ว่า ดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมกับกลุ่มนปช. ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเชิญตัวแทนของตำรวจหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เข้าร่วมชี้แจง ประกอบด้วย ตัวแทนจาก บช.น., บช.ภ.1 และบช.ภ.2
นำข้อเท็จจริงมาแจกแจงต่อประชาชน
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ในฐานะตัวแทนตำรวจนครบาล แถลงว่า การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งสองกลุ่มเหมือนกัน ตำรวจไม่มีสองมาตรฐาน คดีของกลุ่ม พันธมิตรมีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งเรื่องการปิดล้อมทำเนียบมี 2 คดี การปิดล้อมสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แต่การชุมนุมเลิกไปก่อน จึงต้องขออนุมัติออกหมายเรียก เพราะเราเชื่อว่ามีพฤติกรรมหลบหนี
ขณะนี้ความคืบหน้าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ คดีมีความคืบหน้าไปทั้งหมด
ส่วนคดี นปช.ที่ออกหมายจับทันที เพราะต้องการยับยั้งเหตุร้ายแรงที่เกิดขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทุบรถนายกรัฐมนตรี การปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย สร้างภาพลักษณ์เสียหายไปทั่วโลก ส่วนการตั้งรางวัลนำจับนปช. เพราะมีพฤติกรรมที่รุนแรง มีการใช้ด้ามธงแทงรถ ถ้าเป็นต่างประเทศ รปภ.ยิงไปแล้ว
พัชรวาทนำทีมแถลง โต้ครหาสองมาตรฐาน แดง-เหลืองโทษเท่ากัน
และที่ออกหมายจับเพราะเราไม่ทราบชื่อผู้ก่อการร้าย ทราบเพียงคนเดียวคือนายสุพร อัตถาวงศ์ ตนคิดว่าเงินนำจับ 50,000 บาทน้อยไปด้วยซ้ำ!!
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ส่วนการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ออกมาก่อนหน้านี้สองครั้ง แต่ไม่มีการบังคับใช้เหมือนออกมาแก้บน เพราะไม่มีการกำหนดสถานที่ในการควบคุม เนื่องจากในกฎหมายไม่ยอมให้จับไปคุมขังที่สถานีตำรวจ หรือสถานที่อื่นใด และการที่ตำรวจไม่ยับยั้งผู้ชุมนุม เพราะเราไม่มีกฎหมายรองรับในเรื่องนี้ ส่วนข่าวว่ามีการจับผู้ชุมนุมไปขังไว้ที่ค่ายทหารที่ จ.สระบุรีนั้นมีจริง แต่ทุกคนถูกดำเนินคดีถูกต้องตามกฎหมายไม่ได้หายไปไหน
พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภาค 1 ในฐานะตัวแทนตำรวจภูธร ภาค 1 กล่าวว่า คดีพันธมิตรบุกสนามบินสุวรรณภูมิ มีจำนวน 10 คดี ทราบตัว 4 คดี ไม่ทราบอีก 6 คดี คาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะสอบสวนแล้วเสร็จ ที่ล่าช้าเนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องรอสอบปากคำพนักงานของท่าอากาศยาน และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งต้องตั้งกรรมการสอบสวนในส่วนของเขา
ด้านพล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ รอง ผบช.ภาค 2 ในฐานะตัวแทนจากตำรวจภูธร ภาค 2 กล่าวว่า ในท้องที่ตำรวจภูธรภาค 2 มี 3 คดี แบ่งเป็นคดีทุบรถนายกฯ วันที่ 7 เม.ย. ออกหมายจับ 12 คน จับได้ 1 คน คดีทำร้ายรปภ.นายกฯ จับกุมแล้ว 2 คน ออกหมายจับ 3 คน คดีบุกรร.รอยัล คลิฟ บีช ออกหมายจับ 18 คน จับ 3 คน คดีเสร็จไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้เรากำลังรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มเสื้อน้ำเงินออกมาปั่นป่วนช่วงการประชุมอาเซียน ที่พัทยา และมีข่าวว่าอาจเป็นตำรวจหรือทหารนอกเครื่องแบบ ซึ่งพาดพิงถึงนายเนวิน ชิดชอบ ด้วย ในเรื่องนี้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้คำตอบว่า ตนเดินทางไปโดยเฮลิคอปเตอร์ ไม่เห็นกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน แต่เรื่องนี้ได้ตั้งพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ไปดำเนินการแล้ว ทุกอย่างอยู่ระหว่างการสอบสวน
ถ้อยแถลงของตำรวจในครั้งนี้ มีเสียงยืนยันว่าตำรวจจะวางตัวเป็นกลาง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีเข้าข้างฝ่ายใดทั้งนั้น
ทุกคดีว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น หรือ "ดีทีวี" ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง ถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกตัดสัญญาณ ในขณะที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีของกลุ่มคนเสื้อเหลืองไม่ถูกดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน
ตำรวจแถลงว่า สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นหรือดีทีวี ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหามีและใช้และตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี มีข้อจำกัดไม่สามารถทำการจับกุมดำเนินคดีได้ เนื่องจากได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ 147-148/2549 ลงวันที่ 24 เม.ย. 2549 ปัจจุบันยังได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งดังกล่าวอยู่
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า การดำเนินการต่างๆ ของกลุ่มคนเสื้อแดงกระทำด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่คดีของคนเสื้อเหลืองเป็นไปด้วยความล่าช้า ตำรวจชี้แจงว่าขึ้นอยู่กับความยุ่งยากในการรวบรวมพยานหลักฐาน ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในการดำเนินคดีทีมีการกระทำผิดต่อเนื่องหลายท้องที่ เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิฯ
การดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคดีมีความคืบหน้า เช่น กรณีการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นสั่งฟ้อง 9 แกนนำ ส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการไปตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.2551
การดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร กรณีปิดล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นและได้แจ้งข้อกล่าวหา กับบรรดาแกนนำและผู้ร่วมกระทำความผิด 21 คน ไปเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2552 ซึ่งผู้ต้องหาขอให้การเพิ่มเติมในวันที่ 27 เม.ย. 2552 ซึ่งภายหลังผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมแล้วจะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการได้ทันที ปัจจุบันคงค้างเฉพาะการกระทำความผิดกรณีบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนตระหนักดีว่า การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ ภายใต้กรอบอย่างสงบ และปราศจากอาวุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจสนับสนุนให้ความสะดวก และความปลอดภัย หากประชาชนจะใช้สิทธิดังกล่าว แต่ขออย่าได้ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือชุมนุมเรียกร้องสิทธิประการอื่นใด
ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
กฎหมายซึ่งไม่ใช่สองมาตรฐาน!!?