และแล้วรัฐบาลภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับคำท้าของแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ในการเปิดประชุมร่วม 2 สภาเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน
กรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
การอภิปรายครั้งนี้ "บิ๊กเพื่อไทย" ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะสั่นคลอนเสถียรภาพของ "รัฐบาลหล่อใหญ่" ให้ได้
โดยพรรคเพื่อไทย จะอาศัยการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เป็นช่องทางการสื่อสารไปยังแฟนคลับทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำเนื้อหา "คนเสื้อแดง" เป็นผู้ถูกกระทำ ผ่านข้อมูลที่ประกอบไปด้วยรูปภาพ และภาพเคลื่อนไหว ที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่
โดยกรอบการ "ซักฟอก" ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเสนอข้อมูลใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ระยะเวลาที่ได้รับการจัดสรรจำนวน 8 ชั่วโมงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
จากเดิมที่เน้นการส่ง "ขุนพล" ฝีปากกล้า ดำเนินการ "ปะ ฉะ ดะ" รัฐบาลด้วยลีลาขั้นเทพ จนเนื้อหาที่แท้จริงถูกละเลยไป มาเป็นเน้นคุณภาพมากกว่าลีลา ด้วยการส่งผู้ชำนาญการในด้านต่างๆ อาทิ ด้านความมั่นคง และอาวุธสงคราม ขึ้นอภิปรายแทน
รวมถึงการกำหนดรูปแบบให้สั้น กระชับ ไม่สะเปะสะปะ โดยคัดบุคคล "ขึ้นชก" ไม่เกิน 15 คน
สำหรับประเด็นที่พรรคจะนำเสนอคือ การใช้ความรุนแรงสายการชุมนุม ที่บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่า มีผู้เสียชีวิต และสูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
รวมไปถึงการปรากฏตัวของ "คนเสื้อน้ำเงิน" และ "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำพรรคภูมิใจไทย ในห้วงการปะทะกันระหว่าง "สีน้ำเงิน" และ "สีแดง" ที่พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ "คนเสื้อแดง" บุกพังประตูโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท สถานที่การจัดประชุมผู้นำอาเซียน +3 +6
และการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เข้าข่ายว่าไม่เป็นไปตามมาตรา 5 ของ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลต่ออำนาจของผู้ปฏิบัติหน้าที่สิ้นสุดลงทันที นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย
ทว่า "ไฮไลต์" สำคัญ คือหลักฐานการใช้ความรุนแรงปราบปราม "คนเสื้อแดง" อย่างโหดเหี้ยม และเกินกว่าเหตุ ที่พรรคเพื่อไทยเตรียมแสดงต่อที่ประชุมรัฐสภา
เพราะที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนแต่อย่างใด
ประเด็นนี้เองแม้แต่คนสีเดียวกัน อย่าง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หลายต่อหลายคนก็ระงับความสงสัยเอาไว้ไม่ได้
ว่าหลักฐานที่บอกว่าชัดเจน มีจริงหรือไม่???
เพราะนั่นหมายถึงอนาคตและทางรอดของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง
หาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้ ข้อกล่าวหา "ปั้นน้ำเป็นตัว" เพื่อปลุกระดมประชาชนให้ก่อการจลาจลขึ้น จะเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และ "นายใหญ่" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทันที
การเคลื่อนไหวใดๆ ของคนทั้ง 3 กลุ่มนับจากนี้จะไม่สามารถอ้างหลักประชาธิปไตย และการชุมนุมเพื่อเรียกร้องโดยสันติวิธีได้
ในทางตรงกันข้ามหากพรรคเพื่อไทย สามารถแสดงหลักฐานได้ นอกจากจะทำให้ความชอบธรรมในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้หมดลงแล้ว ยังเป็น "ยาแรง" ที่เพิ่มความ "ฮึกเหิม" ให้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในครั้งต่อไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปิดประชุมร่วม 2 ฝ่าย เพื่อนำปัญหาการเมืองข้างถนน กลับเข้ามาพูดคุยกันในสภาแล้ว แต่ "คนเสื้อแดง" ยังไม่ยุติการขับเคลื่อนนอกสภา จึงนำไปสู่การเปิดตัวแกนนำ นปช. รุ่น 2 อย่างนายสมยศ พฤษาเกษมสุข พร้อมกับการนัดหมายการชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 25 เมษายน ที่ จ.สมุทรสาคร จากนั้นจะตระเวนเปิดเวทีให้ครบ 10 จังหวัด ก่อนที่จะนัดชุมนุมที่ กทม.อีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้คงจะไม่ "คึกคัก" เท่าที่ควร เพราะแกนนำรุ่น 1 ที่เป็นจุดขาย ต่างถูกควบคุมตัว ส่วนแกนนำรุ่น 2 นั้น ยังเป็นบุคคลที่ "โนเนม" อีกด้วย
การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนับจากนี้ คงทำได้เพียงการชุมนุม "ขัดตาทัพ" เพื่อไม่ให้กระแส "เสื้อแดง" จางหาย ก่อนที่จะรอให้แกนนำรุ่น 1 กลับสู่สมรภูมิรบอีกครั้ง
ในระหว่างนี้คนเสื้อแดงทำได้แต่เพียงภาวนาขอให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีหลักฐานเปิดโปงรัฐบาลในสภาตามราคาคุย!!!