ม็อบล่มเวทีอาเซียนซัมมิตลามถึง "แม้ว" ศาลพัทยาอนุมัติหมาย-สั่งจับอีกคดี ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งตั้งกก.สอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วงเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงบุกยึดโรงแรมเป็นความบกพร่องหรือไม่ แกนนำม็อบแดงต่างจังหวัดนัดมอบตัวสู้คดี "น้องยิ้ม"ส.ส.สาวเชียงรายใช้ตำแหน่งประกันตัวพ่อที่ถูกออกหมายจับ ด้านสาทิตย์-ปชป.ประสานเสียงพร้อมทำสงครามสื่อกับทักษิณ-จักรภพ อ้างมีสื่อต่างประเทศบางคนรับใช้อดีตนายกฯ
-ปชป.ชลฯค้านย้าย2บิ๊กตร.
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. สั่งย้ายพล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ.2 และพล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ชลบุรี ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยไม่มีกำหนด ว่า เป็นการเซ่นเสื้อแดง แต่ถือว่าตำรวจทั้งสองเป็นแพะรับบาปในการประ ชุมอาเซียน+3+6 ที่ล่มไป เนื่องจากตำรวจทั้ง 2 คน ไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ดังนั้น จึงไม่มีอำนาจในสั่งการใดๆ อีกทั้งพล.ต.ท.อัศวิน ก็เพิ่งจะย้ายมาเป็นผบช.ภ.2 เพียงแค่ 2 เดือน ขณะที่พล.ต.ต.บัณฑิต เป็นคนในพื้นที่และสามารถเข้ากับคนทุกกลุ่มได้ เนื่องจากมีความประนีประนอม การสั่งย้ายดังกล่าวไม่สามารถทำให้กลุ่มเสื้อแดงหมดไปจากชลบุรีได้ หากจะแก้ให้ถูกจุดผบ.ตร.ต้องมีคำสั่งย้ายตำรวจระดับล่างหลายสิบนายที่อยู่ในพื้นที่ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดม็อบเสื้อแดงไปล้มการประชุมอาเซียน
"ผมขอฝากถึงนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ดูแลด้านความมั่นคง และผบ.ตร.ว่า หากต้องการความสามัคคี ความสมานฉันท์ ไม่ต้องการผลักมิตรเป็นศัตรู ควรใช้เวลาในการสอบหาข้อเท็จจริงแค่ 30 วัน จากนั้นให้โยกเอาตำรวจทั้งสองกลับมา เพราะทั้งสองมีศักยภาพสามารถทำงานได้ ถ้าทำอย่างนี้รับรองเรียกขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความเป็นกลางในพื้นที่ได้ ผมจะทำหนังสือถึงผบ.ตร. เพื่อให้มีการทบทวนคำสั่งดังกล่าวโดยด่วนด้วย" นายประมวล กล่าว
-พท.ชี้เด้งเพราะไม่สนองรบ.
นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงพัทยา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดียวกันว่า เหตุผลที่แท้จริงไม่ใช่เพราะปฏิบัติหน้าที่หย่อนยาน แต่เป็นเพราะตำรวจทั้งสองไม่สนองต่อการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการให้เร่งออกหมายจับแกนนำเสื้อแดง จ.ชลบุรี หลายสิบราย แต่ตำรวจไม่สามารถเร่งรีบได้ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะได้รับการคุ้มครองแค่ไหน เพราะเคยได้รับบทเรียนจากการสลายชุมนุมพันธมิตรวันที่ 7 ต.ค. 2551 มาแล้ว ดังนั้น ผู้ใหญ่ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ระดับผู้ปฏิบัติด้วย อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบกรณีเสื้อแดงบุกล้มประชุมอาเซียนซัมมิต +3 +6 ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยาไปได้ เพราะพล.ต.อ.พัชรวาท อยู่ที่โรงแรมนั้นตั้งแต่คืนวันที่ 10 เม.ย. ไม่ใช่เพิ่งมาในเช้าวันที่ 11 เม.ย. อย่างที่ชี้แจง ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาท ต้องเล็งเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและวางมาตรการป้องกันได้พอสมควร
นายศักดา กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือไล่ล่ากดดันแกนนำเสื้อแดงทั่วประเทศ ต้องเปิดกว้างให้คนเหล่านั้นมีโอกาสใช้กฎหมายต่อสู้ด้วย ตนและแกนนำหลายคนยังอยู่ในประเทศไทยแต่ที่ยังไม่มอบตัวเพราะขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังต่อสู้ในทางกฎหมาย โดยจะยื่นต่อศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ว่าออกหมายจับตลอดจนการประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถาน การณ์ฉุกเฉินโดยมิชอบ โดยประเด็นหลังอาจต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า นายกฯ เพียงคนเดียวมีอำนาจประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินได้หรือไม่ หากขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะเป็นผลให้นายกฯ ถูกยื่นถอดถอนฐานจงใจกระทำฝ่าฝืนขัดบทบัญญัติกฎหมาย
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีเดียวกันมองว่าทั้งสองคนต้องเป็นแพะ เพื่อต้องการเอาพวกพ้องตัวเองเข้าไปทำงาน จะได้ไม่ต้องสอบสวนเอาผิดกลุ่มเสื้อสีน้ำเงินที่รุมทำร้ายเสื้อแดงจนเกิดเหตุการณ์บานปลาย
-แจ้งจับเทือก-รองโฆษกปชป.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ และกรรมการบริหารพรรค พร้อมทนาย ความ ได้เข้าพบพ.ต.ท.ภิรม จันทราภิรมย์ รองผกก.สส.สน.ลุมพินี และพ.ต.ท.สันติ มีศิริ พงส. (สบ 3) เพื่อเเจ้งความดำเนินคดีกับน.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยนำเอกสารข้อความเนื้อหาข่าวที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ จำนวน 1 แผ่น และเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง
นายพร้อมพงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากน.พ.วรงค์ และทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวระหว่างประชุมพรรค ระบุนายสุเทพวิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยมีแผน 4 ข้อ เพื่อโค่นล้มรัฐบาล คือ 1.ขยายแนวร่วมให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมไทยด้วยการให้ข่าวว่ามีคนตายจำนวนมากในเหตุการณ์สลายการชุมนุม และใช้ 2 มาตร ฐานในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อให้เกิดความเกลียดชังในสังคม 2.พยายามทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล และขอให้ระวังว่าจะมีการใช้เงินซื้อพรรคร่วมเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง 3.ใช้มาตรการกดดันนายอภิสิทธิ์ให้ลาออก และ 4.คือเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การกระทำของบุคคลทั้ง 2 ที่ร่วมกันใส่ความผู้อื่น โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ซึ่งอาจทำให้พรรคเพื่อไทยถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังในสังคม และข้อความดังกล่าวก็ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ต่างๆ ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย นอกจากนี้หากบุคคลอื่นได้รับฟังข่าวสารดังกล่าว ย่อมจะรู้สึกเกลียดชัง และเห็นว่าพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรคเป็นพรรคการเมืองที่มีวัตถุประสงค์ไปในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ดำเนินการตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับบุคคลดังกล่าว
-อัยการเล็งจับ"จักรภพ"อีกคดี
วันเดียวกัน นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงกรณีที่อัยการนัดสั่งคดีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ในวันที่ 29 เม.ย. แต่นายจักรภพหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ว่า คงต้องรอดูว่าในวันดังกล่าว นายจักรภพจะเดินทางมารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งคดีตามที่อัยการนัดไว้หรือไม่ หากไม่เดินทางมา ก็จะต้องดำเนินการ คือถ้านายจักรภพทำสัญญาประกันตัวไว้กับอัยการก็จะเรียกนายประกันให้ติดตามตัวนายจักรภพมา แต่ถ้าไม่สามารถติดตามตัวมาได้ อัยการจะมีคำสั่งปรับนายประกันและขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่หากนายจักรภพไม่ได้ทำสัญญาประกันไว้ อัยการจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัว และขอศาลอนุมัติหมายจับเช่นเดียว
-"มาร์ค"ทำตลกไม่มีเสื้อแดงแล้ว
เวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันนี้ไม่ได้หารือถึงการยกเลิกพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะขณะนี้เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ที่จะรายงานกลับเข้ามาอีกครั้งว่าปัญหาที่เขาต้องการเข้าไปคลี่คลาย แก้ไขก่อนนั้นเดินหน้าไปตามเป้าหมายแล้ว
เมื่อถามว่ามีการพูดกันว่ากลุ่มเสื้อแดงจะกลับมาชุมนุมอีกครั้ง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีการพูดกัน เมื่อถามย้ำว่าแต่กลุ่มเสื้อแดงประกาศชัดเจนว่าจะกลับมาชุมนุมอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่าทำไมถึงเชื่อว่าไม่มี นายกฯ กล่าวติดตลกว่า "ก็เพราะเขาใส่เสื้อสีอื่นแล้ว"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการร่างกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะว่า การประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ ไม่ได้มีการหารือ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังไปศึกษาอยู่
-โฆษกบช.น.เตือนชุมนุมไม่ได้
ที่บช.น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น. กล่าวถึงกรณีจะมีการนัดชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่สามเหลี่ยมดินแดงในวันที่ 23 เม.ย. เพื่อทำบุญอุทิศแก่เสื้อแดงที่ถูกทหารล้อมปราบว่ากำลังหาข่าวอยู่ แต่เมื่อมีพ.ร.ก.ฉุก เฉินอยู่คงทำไม่ได้ เพราะยังบังคับใช้อยู่ หากมีการดำเนินกิจกรรมในเรื่องการเมืองก็ถือว่าผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
"ส่วนความคืบหน้าในการจับกุมกลุ่มเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับว่าพยายามติดตามอยู่ ส่วนที่มีข่าวจะเข้ามอบตัวก็เป็นเพียงข่าว แต่ยังไม่มีติดต่อมา ส่วนเรื่องแหล่งกบดานตำรวจรู้แล้ว บางที่ อยู่ระหว่างการขอศาลเพื่อให้ออกหมายค้น แต่ศาลก็ยังต้องการคำยืนยันว่าอยู่ตรงนั้นจริงจึงออกให้ ซึ่งก็มีการกดดันอยู่ และมีหลายคนที่ทราบแล้ว บางส่วนไปต่างประเทศยังไม่กลับมาก็มี
ถามว่ากรณีที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมกันที่รัฐสภาในวันที่ 22 เม.ย. พล.ต.ต.สุพร ตอบว่า เรื่องนี้ก็ถือว่าน่าห่วงใย แต่ไม่สามารถมาชุมนุมได้ เพราะมีพ.ร.ก.อยู่ ส่วนในเรื่องการดูแลสถานที่สำคัญ หรือศาลรัฐธรรมนูญนั้น บช.น.ก็ทำมาตลอด
-"ตาล"แว้งสื่อเทศรับใช้ทักษิณ
เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงนายจักรภพ ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศและระบุจะเดินหน้าเคลื่อนไหวต่อไปว่า นายจักรภพถูกออกหมายจับแล้ว หลังจากนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด การประกาศตัวว่าจะต่อสู้สงครามใต้ดิน รัฐบาลต้องเตรียมการที่ดี เข้าใจว่ามีการประสานงานกับพ.ต.ท.ทักษิณตลอดเวลาในการใช้สื่อต่างประเทศโจมตีรัฐบาล ส่วนการดำเนินการทางกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ สำนักงานอัยการสูงสุดคงต้องบังคับคดีตามหมายจับต่อไป
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะทำความเข้าใจกับสื่อต่างประเทศหรือไม่ เพราะนายจักรภพใช้สื่อต่างประเทศโจมตีรัฐบาล นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น รัฐบาลได้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามข่าวต่างประเทศ มีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งต้องทำงานหนักเพราะทั้งพ.ต.ท. ทักษิณ และนายจักรภพ อยู่ต่างประเทศและใช้สื่อต่างประเทศอยู่ตลอด ความจริงมีสื่อต่างชาติบางคนที่อยู่ในไทยและที่อยู่นอกประเทศทำงานรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างใกล้ชิด ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการให้นำข้อมูลส่วนนี้มาประสานกับตนเพื่อติดตามว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร มีความเคลื่อน ไหวอย่างไรที่ทำความเสียหายให้ประเทศ
-ลั่นพร้อมรุก-รับสงครามข่าว
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า หลังจากนี้สงครามข่าวสารข้อมูลคงต่อสู้กันเต็มรูปแบบ และนายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ คงมีทีมงานหลายคนมาช่วยกัน รัฐบาลจะใช้สื่อทุกประเภทที่มี โดยมีเป้าหมายคือ 1.ชี้แจงทำความเข้าใจกับคนในประเทศ 2.ชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อและบุคคลที่อยู่นอกประเทศ จึงต้องมีคณะกรรมการหลายชุดเข้ามาทำงาน นอกจากนี้รัฐบาลยังจัดทำซีดีชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 1 ล้านแผ่น แจกจ่ายให้ประชาชนได้ทั่วประเทศ ส่วนสื่อต่างประเทศจะมีวิธีการชี้แจงอีกแบบหนึ่ง โดยมีคณะทำงานดำเนินการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง วันที่ 23 เม.ย.นี้ จะปลุกระดมให้มีการชุมนุมอีกครั้งหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเจตนาของการเคลื่อนไหว เมื่อประกาศว่าสู้เต็มที่และลงใต้ดินคงมีหลายวิธีที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ การจัดทำบุญที่สาม เหลี่ยมดินแดนอาจจะอ้างเหตุการณ์ขึ้นมา ต้องดูเบื้องลึกว่าคนเสื้อแดงมีเจตนาอะไร และสาเหตุที่ไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะมีข่าวตลอดเวลาว่าจะมีการเคลื่อนไหว อย่างวันนี้มีข่าวว่าจะเคลื่อน ไหว 10 จังหวัดและจะบุกกรุงเทพฯถือว่าเป็นข่าวร้ายของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังติดใจการทำงานด้านความมั่นคงที่ไม่มีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องตัวบุคคลที่ยังติดใจอยู่และยอมรับว่ามีเสียงวิจารณ์อยู่บ้าง หากยังติดใจอยู่ก็ต้องขอคำชี้แจงจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
-"ธานี"ชี้คดีนปช.คืบหน้าไปมาก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงว่า คืบหน้าไปมาก รวบรวมพยานหลักฐานไปมากแล้ว ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบสมบูรณ์มากที่สุด ขณะนี้ยังมีเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ดีที่สุด เพราะตระหนักดีว่าคดีนี้สำคัญ
"ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีที่เกี่ยวเนื่องกับ นปช.นั้น ศาลอนุมัติตามที่ปรากฏภาพชัดเจน ซึ่งจริงๆ แล้วยอมรับว่าตำรวจขออนุมัติหมายจับไปมากกว่านี้ แต่เนื่องจากรูปคนอื่นๆ ไม่ชัดเจน พยานหลักฐานจึงไม่เพียงพอที่ศาลจะอนุมัติหมายจับ ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจไม่อยู่เฉย พยายามที่จะแสวงหาหลักฐานมากขึ้น เพื่อดำเนินการต่อ ส่วนการสับเปลี่ยนให้ผมมาทำคดีแทน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.นั้น ต้องไปถามคนที่ออกคำสั่ง ตนไม่เคยเข้าพบนายกรัฐ มนตรีโดยตรงก่อนจะมีคำสั่ง มีแต่ ผบ.ตร.โทร ศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่าได้มีคำสั่งให้ผมมาทำคดี ซึ่งผมไม่กดดัน และทำตามกฎหมายและหน้าที่" พล.ต.อ.ธานีกล่าว
-"ประวิตร"เชื่อ"เทือก"ชี้แจงได้
เวลา 07.00 น. ที่ศาลหลักเมือง พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามพฤติกรรมของกลุ่มนปช.ว่า รายละเอียดตำรวจชี้แจงหมดแล้ว ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหวนั้น เป็นเรื่องของแนวความคิด ซึ่งนายกฯ พยายามทำให้เกิดความสมานฉันท์ ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความปรองดองมากที่สุด
เมื่อถามว่าเห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนิรโทษกรรมให้นักการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นกลไกรัฐสภาว่าจะออกมาอย่างไร ส่วนคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องแยกระหว่างการทำผิดเรื่องการเมืองกับความผิดทางอาญา ต้องแยกให้ได้ว่าเป็นเรื่องคดีอาญา ทุกอย่างต้องเดินตามศาล ไม่ใช่เรื่องการเมือง
เมื่อถามว่ากองทัพได้เตรียมข้อมูลให้กับนายสุเทพ เพื่อชี้แจงในการประชุมรัฐสภาวันที่ 22-23 เม.ย.นี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายสุเทพ จะชี้แจงประเด็นที่กองทัพถูกกล่าวหาว่ามีการทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งที่ความจริงกองทัพได้ปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าไม่มีกลุ่มเสื้อแดงเสียชีวิต กองทัพไม่ได้เตรียมข้อมูล และมั่นใจว่านายสุเทพ จะชี้แจงได้
-ปลัดกห.ซัดเสื้อแดงจ้องป่วน
ด้านพล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กองทัพจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อีกสักระยะ แต่แนวโน้มขณะนี้น่าจะดีขึ้น ส่วนการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ความ เห็นของผบ.เหล่าทัพ อยากให้ยกเลิกเร็วที่สุด แต่เมื่อพูดคุยกันก็เห็นว่ายังจำเป็นต้องคงไว้บางส่วน เพื่อควบคุมแกนนำที่ยังไม่ได้เข้ามามอบตัวและยังพยายามสร้างปัญหาอยู่ จึงอยากให้ยืดเวลาการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปให้สถานการณ์นิ่ง ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลเรื่องนี้
เมื่อถามว่าคนที่สร้างความวุ่นวายบางคนไม่ได้อยู่ในประเทศมั่นใจอย่างไรว่าจะควบคุมได้ในภาวะไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ต้องติดตาม ซึ่งการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตลอดไปคงทำไม่ได้อยู่แล้ว ต้องใช้ในยามฉุกเฉินจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่ ตำรวจและทหารก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ทั้งนี้ เราทราบเรื่องการเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่ในต่างประเทศ และต้องติดตามโดยตลอด
เมื่อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงประกาศจะรวมตัวกันให้ครบ 10 จังหวัดและเคลื่อนพลมาที่กรุงเทพฯ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทุกคนเป็นห่วงบ้านเมือง และเชื่อว่าทุกคนเป็นห่วงกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น แต่สภาพปัญหาทำให้ไม่สามารถยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สามารถดำเนินการตามที่ต้อง การ เพราะเขาพยายามจะก่อเหตุและสร้างความปั่นป่วน เราต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเขาโดยตลอด
-ทบ.อ้างทหารเจ็บมากกว่าม็อบ
ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นประธานประชุมผู้บังคับหน่วยระดับผู้บังคับกองพัน(ผบ.พัน) ทั่วประเทศ โดยมีพล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยประดับ ผช.ผบ.ทบ.(1) พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ผช.ผบ.ทบ.(2) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. นายทหารระดับแม่ทัพภาคที่ 1-4 ผบ.หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ(ผบ.นปอ.) ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(ผบ.นสศ) ผู้บัญชาการกองพล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ผู้บังคับการกรมทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม
จากนั้น เวลา 17.00 น. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้เชิญผบ.พันมารับทราบข้อมูลการปฏิบัติการของกองทัพบกในช่วงสงกรานต์ และทำ ความเข้าใจถึงการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการ ฝ่ายยุทธการ ได้สรุปเหตุการณ์การก่อความไม่สงบวันที่ 12-14 เม.ย. การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ปัญหา และการใช้ความรุนแรงต่อทหาร รวมถึงอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติของทหารต่อผู้ชุมนุมให้ที่ประชุมรับทราบ โดยชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติงานของทหารอยู่ในสายตาของสื่อมวลชน และฝ่ายการแพทย์ ซึ่งทหารปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ใช้กำลังตามหลักสากล
"ทั้งนี้ได้ชี้แจงถึงพื้นที่มีการเผชิญหน้า รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์มาชี้แจงภาพเหตุการณ์ที่นำเสนอทางสื่อต่างๆ ในเว็บไซต์ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง รวมถึงภาพที่แอบอ้างว่าทหารทำร้ายประชาชนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทุกภาพเจ้าหน้าที่อธิบายได้ทั้งหมด" พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวและว่า ในที่ประชุมยังสรุปถึงยอดผู้บาดเจ็บ ซึ่งพบว่าขณะนี้มียอดเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บมากกว่าประชาชน นอกจากนี้ยังได้ยืนยันว่าจากตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
-โต้เลือกข้าง-ยันไม่เลือกสี
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ภาพที่เกิดขึ้นทางอินเตอร์เน็ต น่าสังเกตว่ามีการตัดมาเฉพาะในภาพๆ เดียว และเขียนบรรยายใต้ภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงตั้งแต่ต้นจนจบรวม 40 นาที ซึ่งกองทัพมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าใจ ผบ.ทบ.ยังเล่าให้ฟังว่าการปฏิบัติเมื่อวันที่ 12-13 เม.ย. ไม่ได้เกิดความรุนแรง แสดงว่าท่านนำพากองทัพไม่ให้เป็นที่รังเกียจของประชาชน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างของกองทัพมีคำตอบ และขึ้นอยู่กับกฎหมายและอำนาจที่ฝ่ายบริหารมอบให้ ซึ่งในที่ประชุมได้ชื่นชมการทำงานของทหารที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ผบ.ทบ.ได้ให้นโยบายแก่ผู้บังคับกองพันไปชี้แจงกับกำลังพลและประชาชนให้ทราบข้อเท็จจริงว่าทหารปฏิบัติงานตามนโยบาย ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ย้ำจุดยืนว่ากองทัพบกจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยกองทัพจะใช้โอกาสนี้นำโครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปดำเนินการ ไม่ให้สังคมมีสีต่างๆ เกิดขึ้น และให้ทหารลงไปสร้างความสมานฉันท์ โดยผบ.ทบ.ย้ำว่าไม่อยากให้มีสีเกิดขึ้น และทำให้ประชาชนเป็นสีเดียวกัน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
