เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายเชาวนะ ไตรมาศ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงถึงกรณีที่คนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิด เอ็ม 79
เข้ามาภายในสำนักงานเมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมาว่า คนร้ายได้ยิงเครื่องยิงวัตถุระเบิดเข้ามาในสำนักงานจำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 เป็นเศษวัตถุระเบิดตกเข้ามาบริเวณด้านหน้าสำนักงาน ครั้งที่ 2 เป็นลูกระเบิดที่ยังไม่ระเบิดตกเข้ามาบริเวณด้านหน้าป้อมยามรักษาความปลอดภัย และครั้งที่ 3 เป็นวัตถุระเบิดตกเข้ามาบริเวณอาคารสำนักงาน โดยระเบิดที่ยิงเข้ามาทั้ง 3 ครั้ง ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตัวอาคารทั้งภายนอกและภายในเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ทหารที่มาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มาตรวจที่เกิดเหตุและพิสูจน์หลักฐานไว้โดยได้เก็บวัตถุระเบิดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิดไปทำลาย และสำนักงานได้ส่งผู้แทนไปให้การในฐานะผู้เสียหายแก่พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง แล้ว
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานขอแสดงความเสียใจและขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นสถาบันของประเทศและประชาชนที่ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีเพื่อให้เกิดความยุติธรรมตามกฎหมายและสร้างความสงบสุขให้แก่ประชาชนในราชอาณาจักร การกระทำด้วยวิธีการเช่นนี้ย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางที่ดีในยามที่ประเทศชาติต้องการความรักสามัคคี จึงขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับองค์กรหรือบุคคลใดในประเทศเรา และหากมีปัญหาใดขอให้ใช้กระบวนการและวิถีทางที่ถูกต้องชอบธรรมไปตามกฎหมาย" นายเชาวนะ กล่าว
ด้านนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ทางคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตี
หลังเคยเหตุคนร้ายลอบปาวัตถุระเบิดเข้าไปในบ้านพักนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และทางตุลาการก็ได้จ้างเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัย ส่วนประธานศาลรัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมได้แจ้งและเตือนข้าราชการทั้งหมดแล้วว่าจะตกเป็นเป้าหมายได้
"จะขอกำลังทหารมาช่วยดูแลความปลอดภัยหรือไม่นั้นตรงนี้ต้องหารือในเชิงลึกอีกครั้ง เพราะศาลรัฐธรรมนูญถูกยิงในขณะที่ยังมีพ.ร.ก.การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่ ดังนั้น อาวุธสงครามที่นำมาใช้ในกทม.ได้นั้นจึงเป็นข้อที่น่าสงสัย และเหตุที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรที่ถูกลอบทำร้ายนั้นก็เป็นที่น่าวิตกอาจเป็นอาวุธสงครามชนิดเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญถูกโจมตี โดยส่วนตัวผมไม่รู้จักกับนายสนธิ แต่ก็ขอฝากความห่วงใยไปถึงนายสนธิด้วย"
เสธ.แดงปูดฝีมือพลเอกนอกราชการ บงการยิงสนธิ
ทั้งนี้ขอย้ำว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมานั้นอาจทำให้มีผู้พอใจและไม่พอใจ
ดังนั้นสาเหตุต่างๆอาจมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอิสระไม่ตกเป็นเครื่องมือขององค์กรใดทั้งสิ้น และดุลพินิจและการทำงานของตุลการก็มีเอกภาพ
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่า ตนได้พูดคุยกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
ซึ่งทราบว่า หลังจากเกิดคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ปรากฎ มีคนเฝ้าติดตาม พล.อ.พัลลภ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนคดียิงนายสนธิ ทั้งนี้ พล.อ.พัลลภ บอกกับตนว่า ไม่เกี่ยวข้องคดียิงนายสนธิ และตนก็ยืนยันเช่นนั้น ส่วนการที่ พล.อ.พัลลภ ต้องเก็บตัวเงียบ เพราะไม่อยากติดคุกตอนแก่
พล.ต.ขัตติยะ ยังปฏิเสธว่า ตนถูกเฝ้าจับตานั้นไม่เป็นความจริง เพราะคงไม่มีตำรวจคนไหนกล้ามายุ่ง เพราะรู้ว่า เสธ.แดง เป็นคนอย่างไร หากมาจับตารับรองว่าโดนยิงกลับหมดแน่
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ขัตติยะ กล่าวอีกว่า คดีของนายสนธิ ตนพอทราบว่า เป็นฝีมือของคนมีสีอย่างแน่นอน ส่วนที่ระบุว่า เป็นนายทหารนอกราชการยศพลเอกนั้นก็เป็นความจริง เพราะทหารชั้นประทวนทำไม่ได้