สื่อต่างชาติเผย"ทักษิณ"บินออกจากดูไบ อาศัยพาสปอร์ตทูตมุ่งสู่"นิการากัว" ระบุเดือนที่ผ่านมา ปักหลัก"ยูเออี" ขณะที่สื่อออสซี่เชื่ออีกไม่นานต้องถูกบีบกลับไทย ที่ซ่อนตัวเหลือน้อย "ชอว์น คริสพิน"แฉเบื้องหลังเหตุรุนแรง ผลจากยุทธศาสตร์"แม้ว"
สื่อต่างประเทศยังคงเกาะติดสถานการณ์การเมืองในไทยอย่างต่อเนื่อง มีทั้งรายงานความเคลื่อนไหว บทวิเคราะห์และบทความแสดงความคิดเห็น ตลอดวันที่ 19 เมษายน โดยสำนักข่าวดีพีเอ ของเยอรมนี รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังยุยงให้เกิดเหตุจลาจลขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกเดินทางจากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งใช้เป็นที่พำนักอาศัยตลอดระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 18 เมษายนด้วยเครื่องบินส่วนตัวมุ่งหน้าไปยังประเทศนิการากัว ประเทศเล็กๆในแถบแคริบเบียน ซึ่งเพิ่งประกาศมอบหนังสือเดินทางทางการทูตให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในฐานะทูตพิเศษประจำตัวประธานาธิบดี เพื่อการลงทุนจากต่างประเทศ
ในขณะที่ หนังสือพิมพ์ ดิ เอจ ของออสเตรเลีย รายงานว่า ก่อนหน้านี้ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกพิพากษาจากความผิดฐานคอร์รัปชั่นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเดินทางไปยังออสเตรเลีย, จีน, ฮ่องกง, ดูไบ และกัมพูชาได้ตลอดเวลา และในหลายๆ สถานที่ดังกล่าวเหล่านี้ อดีตนายกรัฐมนตรีมักให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆอยู่บ่อยครั้งเ ป็นการกระพือความขัดแย้งและความตกแยกในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น
ดิ เอจ ระบุว่า โฆษกของกระทรวงต่างประเทศและการค้าแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า ทางการออสเตรเลียเข้าใจสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณดีว่าเป็นบุคคลภายใต้หมายจับกุมที่ออกโดยทางการไทย แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมใดๆ เมื่อถูกสอบถามว่า ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณร้องขอเข้าประเทศในอนาคตจะดำเนินการหรือมีท่าทีอย่างไร หนังสือพิมพ์ฉบับนี้สรุปเอาไว้ด้วยว่า ไม่ว่าท่าทีของรัฐบาลออสเตรเลียจะเป็นอย่างไร ดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณมีที่พักพิงและหลบซ่อนน้อยลงทุกที เพราะก่อนหน้าที่จะมีหมายจับกุมล่าสุดออกมา ทางการไทยก็ร้องขอให้สำนักงานตำรวจสากลออก "หมายแดง" หรือ "เรด โนติส" เพื่อให้ทุกประเทศช่วยเหลือจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณอีกทางหนึ่งแล้ว และคาดว่า ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณคงต้องถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทยแน่นอน
ด้านหนังสือพิมพ์ บอสตัน โกลบ นำเสนอบทบรรณาธิการในวันเดียวกันนี้ เรียกร้องรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา ให้แสดงท่าทีสนับสนุนการปกครองด้วยกฎหมายและความเป็นนิติรัฐของไทย และควรเลือกยืนอยู่ข้างเดียวกันกับผู้ที่ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาขัดแย้งด้วยหลักการสันติวิธี เพราะเสถียรภาพของไทยคือ ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยืดถือรัฐบาลไทยเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายน หนังสือพิมพ์ ดิ อินดีเพนเดนท์ ของอังกฤษ ตีพิมพ์บทความแสดงความคิดเห็นว่า เหตุการณ์จลาจลครั้งล่าสุดในไทยส่งผลกระทบอย่างมากในเชิงเศรษฐกิจต่อประเทศ ข้อเขียนดังกล่าวของแอนนี่ ชอว์ อ้างความเห็นจากนักวิเคราะห์ด้านการลงทุนจากหลายสำนักระบุว่า ภาวะไม่แน่นอนของการเมืองในไทยทำให้ประเทศไทยไม่น่ามาลงทุน เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก อย่างไรก็ตาม แอนดรูว์ บีล ผู้จัดการกองทุน เฮนเดอร์สัน ทีอาร์ แปซิฟิก เชื่อว่าการลงทุนในไทยยังคงน่าเสี่ยงอยู่ดี มีข้อแม้ว่าผู้ลงทุนจะต้องกระจายความหลากหลายให้ได้สมดุลพอ
รายงานชิ้นเดียวกันนี้ยังอ้างความเห็นของ มาร์ก โมเบียส ผู้บริหารกองทุนชื่อดังอย่าง เทมเปิลตัน แอสเสต แมเนจเมนต์ ที่มองภาพรวมของการลงทุนในไทยว่า ยังคงเป็นบวกอยู่ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพรวมของพื้นฐานและภาพรวมในระยะยาว ทำให้การลงทุนในไทยยังน่าลงทุนอยู่ โดยชี้ว่าถ้าพิจารณาจากผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ไทย นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน ปี 2549 เปรียบเทียบแล้วยังดีกว่าเกาหลีใต้หรือไต้หวันด้วยซ้ำไป โมเบียสให้เหตุผลว่า ตราบเท่าที่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขยังคงอยู่และมีเสถียรภาพ ตราบนั้นก็สามารถมองไทยในแง่ดีได้เสมอ
"เราลงทุนในไทยมาแล้วมากกว่า 20 ปี และได้เห็นไทยเปลี่ยนแปลงไปต่างๆ นานา มากมาย ประเทศ, ผู้คนและธุรกิจของไทยได้เรียนรู้มากมายที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอนทางการเมืองในหลายปีที่ว่านี้ การมุ่งเน้นไปที่มูลค่าและพื้นฐานของบริษัทของเทมเปิลตัน ส่งผลดีอย่างต่อเนื่องต่อเราในการบริหารจัดการผ่านความไม่แน่นอนทั้งหลาย" โมเบียสระบุ
ทางด้าน "เอเชีย ไทม์ส ออนไลน์" (เอทีโอแอล) นิตยสารวิเคราะห์ข่าวในเอเชียบนอินเตอร์เน็ต นำเสนอบทวิเคราะห์ของ ชอว์น คริสพิน เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เปิดเผยเบื้องหลังสิ่งที่เอทีโอแอลเรียกว่า "คำกล่าวอ้างจอมปลอม" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น และบีบีซี ว่า มีผู้เสียชีวิตระหว่างการปราบปรามเหตุรุนแรงในกรุงเทพฯที่ผ่านมา โดยระบุว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าว เป็นผลงานจากความพยายามในการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเมืองไทย จากทีมงานระดับอินเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือ แซมมวล มูน ที่ปรึกษาด้านสื่อมวลชนของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง และเป็นผู้บริหารจัดการเว็บไซต์มูลนิธิ บิลดิ้ง อะ เบทเทอร์ ฟิวเจอร์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในเวลานี้
เอทีโอแอลเปิดเผยด้วยว่า เพราะเคยทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวให้กับสื่อมวลชนระดับอินเตอร์หลายฉบับ รวมทั้ง ดิ อีโคโนมิสต์, ดาว โจนส์ และ บิสสิเนส วีก ทำให้สื่อต่างๆ เหล่านี้วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงเข้าข้างเห็นอกเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด นอกจากนั้นเอทีโอแอลยังอ้างด้วยว่าได้รับการเปิดเผยจากคนวงในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เองว่า นายแซมมวล มูน เป็นผู้เขียนบทความโจมตีสถาบันในไทย ที่ตีพิมพ์เป็นเรื่องขึ้นปก ดิ อีโคโนมิสต์ เมื่อไม่นานมานี้ จนเป็นเหตุให้มีการแบนนิตยสารฉบับดังกล่าวในประเทศไทย แหล่งข่าวรายเดียวกันนี้บอกกับเอทีโอแอลด้วยว่า เคนเป็นผู้ประสานงานกับสื่อโทรทัศน์ต่างประเทศในไทย ซึ่งรวมถึงอัลจาซีร่า และเอทีโอแอลเองอีกด้วย
ผู้เขียนบทวิเคราะห์ดังกล่าวระบุว่า พิจารณาจากข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณในซีเอ็นเอ็นและบีบีซีแล้วน่าเชื่อว่า ยุทธวิธีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเน้นเป็นพิเศษให้กลุ่มคนเสื้อแดงดำเนินการก็คือ ต้องสร้างสถานการณ์ผิดปกติให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงให้ทหารออกมาปฏิบัติการรุนแรงต่อผู้ประท้วง เป็นการช็อคประชาคมนานาชาติ กระตุ้นให้หันมาสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ
ผู้เขียนชี้ว่า การที่บุคคลในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้าที่เหตุการณ์รุนแรงจะถึงขีดสุด แสดงให้เห็นว่าข้ออ้างของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ว่า เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไม่สามารถควบคุมฝูงชนได้นั้นไม่เป็นความจริง
ชอว์น คริสพินวิเคราะห์เหตุรุนแรง ต้นตอจากยุทธวิธีแม้ว สื่อเผยใช้พาสปอร์ตทูตมุ่งนิการากัว
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ชอว์น คริสพินวิเคราะห์เหตุรุนแรง ต้นตอจากยุทธวิธีแม้ว สื่อเผยใช้พาสปอร์ตทูตมุ่งนิการากัว