เพื่อไทยหนุนแก้รธน.จี้2เดือนเสร็จยุบสภาทันที

คมชัดลึก :เพื่อไทยเด้งรับหนุนแก้ รธน."พีรพันธ์"บอกร่างรอไว้นานแล้ว แต่ต้องเสร็จใน 2 เดือน แล้วยุบสภาทันที อ้าง ปชช.ไม่ยอมรับรัฐบาลปล้นเขามา พรรคร่วมหนุนจ้องหาช่องคืนสิทธิ์อดีตกก.บห.พรรค

 นายพีรพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร และฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยินดีจะส่งข้อมูลและประเด็นการแก้ไขไปให้

 "ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยและพร้อมจะส่งข้อมูลในการไขให้ เพราะเราได้เตรียมไว้ตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรมีระยะเวลาไม่เกิน 2 เดือน เพราะประเด็นปัญหาต่างๆมีการศึกษาจากฝ่ายต่าง ๆ ไว้มากแล้ว จึงไม่ต้องใช้เวลารวบรวมมาก"

 นายพีรพันธ์ กล่าวว่า  หลังจากที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้วรัฐบาลต้องยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แล้วให้สมาชิกรัฐสภาชุดใหม่ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอีกครั้ง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย แล้วให้ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะคิดว่าต้องมีการเลือกตั้งใหม่อีก 2 ครั้ง ถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาความแตกแยกปัญหาการแบ่งสีได้

 “ครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองจะต้องร่วมกันทำ และทำให้เร็วที่สุดยิ่งดี เพราะวันนี้ปัญหาความแตกแยกไม่ฝั่งรากลึกในใจประชาชน ประชาชนที่ออกมาเพราะเขารับไม่ได้ที่รัฐบาลมีการดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน และชาวบ้านก็พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ดังนั้นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เมื่อดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วก็ต้องยุบสภา ถ้าไม่ยุบสภาปัญหาก็ยังไม่จบ เพราะชาวบ้านเขารับไม่ได้กับการได้เป็นรัฐบาลโดยไปปล้นส.ส.มายกมือให้ตัวเองได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าหลังเลือกตั้งแล้วพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมาก สามารถตั้งรัฐบาลได้ ตรงนี้ต่างหากถึงจะถือเป็นความชอบธรรมโดยแท้ ” นายพีรพันธ์ กล่าว

 นายพีรพันธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการนิรโทษกรรมนั้น คิดว่าการแยกเรื่องคดีการเมืองออกจากคดีอาญานั้น ต้องดูว่าถ้าเป็นคดีอาญาส่วนตัวนั้นนิรโทษกรรมไม่ได้อยู่แล้ว แต่คดีที่เกิดหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นั้น ต้องถือว่าเป็นคดีทางการเมืองทั้งหมด เพราะหลังจากรัฐประหารแล้วมีการใช้กลไกพิเศษต่างเข้ามาดำเนินการเอาผิด เช่นการตั้ง คตส.ขึ้นมา ทั้งที่ตามปกติก็มีช่องทางกระบวนการในการดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าจะมีการนิรโทษกรรม ก็ควรพิจารณาให้คดีหลังเหตุการณ์รัฐประหารถือเป็นคดีทางการเมืองทั้งหมด

พรรคร่วมหนุนจ้องหาช่องคืนสิทธิ์อดีตกก.บห.พรรค

นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ควรต้องมีหลักการสำคัญใน 4 ประเด็น คือ 1.เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.รักษาอำนาจของกระบวนการยุติธรรม 3.แก้ไขบางมาตราให้สังคมที่เป็นยอมรับ และ 4. ต้องมีกลไกในการแก้ปัญหาอย่างการเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง แต่ห้ามไปแก้ไขในส่วนคดีอาญาที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศาล

 นายชุมพล กล่าวว่า การนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดจากคดียุบพรรคการเมืองทั้ง 2 ครั้งคงเป็นเรื่องยาก เพราะอาจมีปัญหาเรื่องการยอมรับจากสังคมตามมา แต่ควรใช้แนวทางผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยกำหนดให้มีกระบวนการพิจารณาผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตเลือกตั้งเป็นรายบุคคลไปโดย

 “ภายหลังจากที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่เป็นผู้นำสืบพยานว่ามีคณะกรรมการบริหารพรรคคนใดบ้างซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเลือกตั้งที่เป็นต้นเหตุของการถูกยุบพรรคการเมือง โดยในกรณีนี้ควรให้ศาลฎีกาเป็นผู้ตัดสินว่ากรรมการบริหารคนไหนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเลือกตั้งและคืนสิทธิ์เลือกตั้งให้กับกรรมการบริหารพรรคนั้น ซึ่งสาเหตุที่เสนอให้ศาลฎีกาเข้ามาทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าศาลฎีกาเป็นศาลที่อยู่ในกระบวนการศาลยุติธรรม ” นายชุมพล กล่าว

 นายชุมพล กล่าวว่า แนวทางนี้ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายเพราะไม่ได้เป็นยกเลิกการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งให้ทั้งหมด และในทางทฤษฎีรัฐศาสตร์แล้วกระบวนการทางการเมืองจะพัฒนาได้ก็ต้องมาจากความเข้มแข็งของพรรคการเมือง โดยที่พรรคการเมืองเมื่อตั้งขึ้นมาแล้วจะต้องไม่ถูกยุบง่ายเกินไปแบบไม่เป็นประชาธิปไตยแบบนี้มันไม่ถูก

 นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา ซึ่งตนเห็นว่ามีรัฐธรรมนูญ 2550 มีบางมาตราไม่เป็นประชาธิปไตยก็ต้องแก้ไข ในวันนี้จะต้องเริ่มต้นได้แล้ว และเป็นที่ทราบกันดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เขียนขึ้นหลังการรัฐประหาร พูดง่ายๆก็คือเขียนในบรรยากาศเผด็จการ ทำให้เนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญบางมาตรา ทำให้เกิดความแตกแยกของประชาชน รวมถึงการเกิดกลุ่มคนเสื้อเหลืองและกลุ่มคนเสื้อแดง