"เทพไท"จวก"จตุพร"ไร้สัจจะ คุ้ยปมเดิมพันส.ส.แพ้"วินัย สมพงษ์" เชื่อเดินเข้าคุก เย้ยจะเอาข้าวผัดเยี่ยม
"เทพไท"จวก"จตุพร"ไร้สัจจะ ขุดปมเดิมพันส.ส.แพ้"วินัย" ถามรับผิดชอบอะไร เชื่อต้องเดินเข้าซังเต เย้ยพร้อมให้"ชูวิทย์"หอบข้าวผัดเยี่ยมเพื่อนเก่า ชี้ตั้งศูนย์รับแจ้งคนหายแก้เกี้ยวลอยแพม็อบ ยกโพลคนเชื่อรบ.สลายม็อบโปร่งใส "ปชป."หวั่น“มาร์ค-สุเทพ”เป้าบึ้มต่อไป จี้จนท.เร่งคลี่คลายคดี
"เทพไท"จวก"จตุพร"ไร้สัจจะ คุ้ยปมเดิมพันส.ส.แพ้"วินัย สมพงษ์"
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะเปิดเผยรายชื่อและหลักฐานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า พรรคเพื่อไทยพยาพยามสร้างกระแสเรื่องคนตายมาโดยตลอดแม้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ประกาศเอาชีวิตเป็นเดิมพันก็ไม่ยอมหยุดเรื่องนี้ โดยเฉพาะนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ออกมาท้าทายให้สาบานต่อวัดพระแก้วและพระสยามเทวาธิราช ซึ่งตนเชื่อว่าการที่ ผบ.ทบ.เอาชีวิตออกมาเดิมพันนั้นก็นับเป็นเดิมพันที่สูงสุดอยู่แล้ว
นายเทพไทย กล่าวว่า สำหรับนายจตุพรนั้นตนยังไม่แน่ใจว่าจะเอาอะไรมาเดิมพัน เพราะครั้งหนึ่งนายจตุพรเคยเดิมพันตำแหน่ง ส.ส. กับ พ.อ.วินัย สมพงษ์ ซึ่งเป็นอดีต รมช.คมนาคม จากกรณีเหตุทุจริตการศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหงระหว่างอภิปรายไม่ใจรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัครแล้วแพ้เดิมพันไป วันนี้ก็ไม่เห็นว่า นายจตุพรจะรับผิดชอบอะไรออกมา เรื่องการปั้นเรื่องคนตายขึ้นมาคิดว่าเป็นเรื่องจินตนาการของแกนนำเสื้อแดงที่พยายามสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะคนเหล่านี้ เชื่อว่าถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไรรัฐบาลจะเป็นผู้พ่ายแพ้ เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 บวกกับ 17 พฤษภาคม 2535 ผลสุดท้ายที่ออกมาเป็นกบฎ 26 มีนา ที่มีนายวีระ มุสิกพงษ์ เป็นผู้ต้องหาในขณะนั้น
"ผมอยากขอร้องให้พรรคเพื่อไทยยุติการสร้างข่าวรายวัน ขอวิงวอนเพราะบ้านเมืองกำลังไปในทิศทางที่ดี พวกผมไม่ปิดกั้นในการที่จะเอาภาพมาแสดงตามที่พยายามโอ้อวดไว้ ถ้ามีภาพจริงก็ให้แสดงออกมาไม่จำเป็นต้องไปแสดงในสภาฯ ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในการสื่อสาร ผมคิดว่าคนเหล่านี้ถ้ามีภาพคงจะขยายผลออกมาเป็นเรื่องใหญ่โต เชื่อว่าวันนี้ไม่มีหรอกที่รอเวลาอยู่มีคนตั้งข้อสงสัยว่ามีการสร้างข้อมูล จัดฉากตัดต่อเพื่อให้เรื่องดูสมจริงสมจังใช่หรีอไม่ รวมถึงความพยายามสร้างภาพตั้งศูนย์รับแจ้งคนหายคิดว่าเป็นการแก้เกี้ยวทางการเมือง เพราะเหตุการณ์สลายชุมนุมครั้งนี้ถูกมวลชนเสื้อแดงวิพากษ์วิจารณ์แกนนำค่อนข้างมาก เพราะคนเหล่านี้มาจากต่างจังหวัด มีการเกณฑ์เข้ามา สุดท้ายมาลอยแพที่หน้าทำเนียบฯ เขาได้รับข้อมูลเพียงข้างเดียว วันนี้ที่รัฐบาลประกาศให้สลายชุมนุมพวกเขาออกจากที่ชุมนุมไม่ได้จนต้องเป็นภาระของรัฐบาล ส่งมวลชนกลับไปพื้นที่ หลังจากนั้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนเหล่านี้ทอดทิ้งไม่สนใจจึงต้องมาตั้งศูนย์ดังกล่าว ทั้งที่รัฐบาลมีหน่วยงานทีเกี่ยวข้องมาดูแลว่า จะลาออกและจนวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีการแจ้งว่า มีผู้ตายจากการสลายการชุมนุมแม้แต่คนเดียว" นายเทพไท กล่าว
โฆษก"มาร์ค"เชื่อกฎแห่งกรรม "จตุพร"เดินเข้าซังเต
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง ระบุว่ารัฐบาลใช้กำลังทหารกดขี่ประชาชน โดยขู่ว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองว่า นายกฯออกมาชี้แจงแล้วว่า เหตุการณ์นี้ไม่มีใครแพ้ ใครชนะ มีแต่ประเทศชาติเท่านั้น ซึ่งนายจตุพรต้องยอมรับความจริงว่ากฎแห่งกรรมมีจริง แม้นายจตุพรจะไม่เชื่อคำสั่งสอนของมารดาที่ประกาศผ่านสื่อมวลชนให้ยุติการเคลื่อนไหว เลิกจาบจ้วงองคมนตรีแล้วให้กลับบ้าน แต่วันนี้ผลกรรมได้ตามทันแล้ว เพราะทุกคนเห็นอยู่ว่านายจตุพรกำลังเดินเข้าซังเต ขณะที่เจ้านายนั่งเครื่องบินเจ็ทราคา 1,500 ล้านบาท บินไปมาอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั้งหมดรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่กล่าวหา รัฐบาลพยายามหาทางออกหลายวิถีทาง เช่น จะการเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 22-23 เม.ย. ให้สมาชิกรัฐสภานำข้อมูลมาอภิปรายในสภาฯจะเห็นว่า พรรคเพื่อไทยยังมีความเห็นขัดแย้งในเรื่องนี้ประธานวิปฝ่ายค้านพยายามเอาสถานการณ์ที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำนอกสภาฯมาพูดในสภาฯ แต่ขณะเดียวกันสมาชิกพรรค เช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย บอกว่า สถานการณ์เดินมาไกลแล้ว ฉะนั้นความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย ดังนั้นควรให้ผู้ใหญ่ในพรรคสร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรคก่อน ตนแปลกใจผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ทราบหายไปไหน ถ้าจะมีภาวะผู้นำเป็นถึงหัวหน้าพรรคในอนาคตก็อยากเรียกร้องให้เฉลิมออกมาแสดงความเป็นภาวะผู้นำและสร้างเอกภาพภายในพรรคให้ได้ก่อนประชุมสภาฯ
พร้อมหอบ"ข้าวผัด"เยี่ยม"เพื่อนเก่า"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวจะยกมือโหวตให้นายจตุพรหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า การจะโหวตให้หรือไม่ ประเพณีที่เคยปฎิบัติมา ยังไม่เคยอนุญาตให้ส.ส.คนใดถูกดำเนินคดี และนายจตุพรก็ยังไม่เคยแสดงออกว่าจะขอหรือไม่ วันก่อนก็ขอแต่ก็พลิ้วว่าไม่ขอ ดังนั้นตนจะยกให้หรือไม่ ก็ต้องฟังเหตุผลและความต้องการของเจ้าตัวก่อน แต่เวลาที่จะปิดสมัยประชุมเหลือเพียง 2-3 สัปดาห์ และการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22 เม.ย.นี้ คงไม่มีการวาระนี้ เข้ามาเพราะเป็นการประชุมร่วม ส่วนสัปดาห์ถัดไปไม่แน่ใจว่า ตำรวจจะส่งเรื่องมาทันหรือไม่ และถ้ามาแล้วและสัปดาห์ที่ 3 จะบรรจุทันหรือไม่ ซึ่งถ้าบรรจุไม่ทันในกำหนดเวลาดังกล่าวก็ไม่มีผลอะไร เพราะนายจตุพรต้องเดินเข้าห้องขังโดยอัตโนมัติ ในฐานะเพื่อนคิดว่าจะให้คนเอาข้าวผัดไปเยี่ยมอย่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย แต่จะละเมิดอำนาจศาลหรือไม่นั้น ต้องคิดดูก่อน
"เทพไท"ตีปี๊บ"ปชป."เสี่ยงโดนบึ้ม! ทั้งพรรค
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีมาตรการรักษาความปลอดภัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้เคยมีการพูดคุยและตักเตือนกันมาโดยตลอด คนที่มีบทบาทโดดเด่นและเป็นที่หมายตาของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยังเชื่อประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยคนที่มีตำแหน่งอยู่ แต่มีความเป็นห่วงคนที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองที่ควรจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล เช่นประธานวิปรัฐบาล ประธานส.ส.พรรค และทีมโฆษกพรรค
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนวอร์รูมพรรคเองนั้น ล่าสุดมีการพูดคุยสถานการณ์การเมืองเป็นหลัก ไม่ได้พูดเรื่องการรักษาความปลอดภัยของผู้นำจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการรักษาความปลอดภัยของผู้นำ เพราะไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ดีพอ แต่สิ่งที่จะนำเสนอผู้บริหารคือ ความคิดและการประเมินสถานการณ์ต่างๆ
ปชป.ยกโพลย้ำคนเชื่อรัฐบาล สลายม็อบโปร่งใส
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงโพลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมเสื้อแดง ว่า จากผลโพล 75% เชื่อว่ามีความโปร่งใสในการสลายการชุมนุมและยังเชื่อว่า 65% ของผู้มาชุมนุมมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เว้นแต่หัวโจกไม่กี่ที่คนที่พยายามสร้างสวถานการณ์ขึ้นมา
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมระบุว่า การที่รัฐบาลยังคง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะต้องการให้ พ.ร.ก.คุ้มครองและพยายามพูดว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สามารถสร้างความมั่นคงได้ โดยอ้าง 3 จังหวัดภาคใต้ที่ประกาศมา 5 ปีแล้ว เหตุการณ์ยังไม่จบ 2 สถานการณ์ที่หยิบยกมาแตกต่างกัน แต่สาเหตุความวุ่นวายมาจากพวกเดียวกัน กรณีความวุ่นวายจากภาคใต้เกิดขึ้น เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เหตุกาณณ์ 13 เม.ย เป็นเพราะลูกสมุนของพ.ต.ท.ทักษิณจึงสู้กันไม่ได้ ในประเด็นการเคลื่อนไหวและความรุนแรง รัฐบาลทราบดี ไม่มีใครอยากให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ แต่รัฐบาลมีความจำเป็นเมื้อเห็นจากท่าทีและการเคลื่อนไหวที่ปรากฎชัดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศจะเคลื่อนไหวลงใต้ดิน การออกมาประกาศสงครามกลางเมืองของนายจตุพร รวมถึงพฤติกรรมการไล่ล่าเอาชีวิตผู้นำ หากยกเลิกวันนี้สถานการณ์จะเข้าทางเสื้อแดงอีกครั้ง
“ปชป.” จี้“จนท.”เร่งคลี่คดี
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 18 เมษายนว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ต้องเร่งขยายผล จับกุมผู้กระทำผิดโดยด่วน เพราะขณะนี้มีความพยายามบิดเบือนข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างสถานการณ์ของนายสนธิเองหรือเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล เพราะต้องยอมรับว่าตรงนี้อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง โดยต้องระวังไม่ให้กรณีที่เกิดขึ้นเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมหรือเป็นจุดเสี่ยงในการใช้มวลชนลุกขึ้นมาปะทะกันอีก ที่สำคัญสังคมจะต้องไม่ตกเป็นเหยื่อการปล่อยข่าวเท็จต่างๆ จนกลายเป็นชนวนรอบใหม่อีก
หวั่น “มาร์ค-สุเทพ” เป้าบึ้ม!
เมื่อถามว่า ได้วิเคราะห์หรือไม่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาจเป็นเป้าหมายโดนลอบทำร้าย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคก็วิเคราะห์ว่ามีความเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้มีการลอบสังหารองคมนตรี แกนนำพันธมิตรฯ และมีเหตุการณ์ลอบทำร้ายนายอภิสิทธิ์ ที่พัทยา จ.ชลบุรีมาอย่างต่อเรื่อง จึงต้องให้ความระมัดระวังคุ้มครองบุคคลที่เป็นเป้าหมายอย่างรัดกุม เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลจำเป็นต้อง คง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน อีกนานเท่าใด น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจของรัฐบาล เพราะเกี่ยวข้องกับภารกิจการสร้างความสงบ ความปลอดภัยของประชาชน จนกว่าปัจจัยเสี่ยงต่างๆจะหมดไป ขณะนี้ต้องยอมรับว่ายังคงมีการปลุกระดม ทำผิดกฎหมายและบิดเบือนข้อเท็จจริงยังมีอยู่ในพื้นที่ต่างๆที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงตามมาได้ เมื่อถามว่า พรรคจะเสนอนายกฯให้มีการปรับเปลี่ยนหน่วยงานความมั่นคงหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า นายกฯเตรียมการทำงานและประเมินการทำงานและจัดรูปแบบองค์กรในการสนธิกำลังร่วมจากฝ่ายต่างๆ
"จตุพร” ยัน “เสื้อแดง” ไม่คิดฆ่า
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับนายสนธิ และครอบครัว ที่ถูกลอบสังหารเพราะแม้การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ก็เป็นการต่อสู้ทางความคิด แต่ไม่เคยใช้กำลังหรือความรุนแรงเข้ามาประหัตถ์ประหาร และขอประณามผู้ที่ใช้อาวุธสงครามเข้ามาก่อการ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เห็นด้วย เนื่องจากเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และหากนายสนธิ เป็นอะไรไปนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงเลย แต่ในทางกลับกันการดำรงอยู่ของนายสนธิ กลับจะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดง เพราะจะเป็นข้อพิสูจน์เรื่อง 2 มาตรฐานในการดำเนินคดี ซึ่งนายสนธิ และพวกเคยโดนดำเนินคดีในลัษณะเดียวกับคนเสื้อแดง แม้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้กับพล.อ.อนุพงษ์ แต่ไม่เคยสั่งให้มีการควบคุมตัวนายสนธิและพวก เหมือนที่คนเสื้อแดงถูกกระทำในปัจจุบัน
"ชัยสิทธิ์"ปัดไม่เกี่ยว"พัลลภ"ปิดปาก
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด พี่ชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ค่อยรู้รายละเอียด แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนแน่นอน ฝ่ายรัฐและพันธมิตรฯ อย่าพยายามโยงเรื่องให้ตนเกี่ยวข้าง เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่ง และไม่ขอวิเคราะห์ว่าใครเป็นคนทำ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่ขอเปิดเผยที่อยู่ เมื่อถามว่า การเดินทางครั้งนี้เพื่อไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ รีบตัดบทสัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ขอบคุณที่มีคนเป็นห่วงผม
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนายสนธิ
"เสธ.แดง"เชื่อโดนจองกฐินหลวง
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับลวงพราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่นายสนธิ ถูกลอบยิง ว่า มือปืนธรรมดาคงไม่กล้ารับงานนี้ น่าจะต้องเป็นระดับชาติ ระดับองค์กร สถาบันหรือชนชั้นปกครอง ซึ่งอาวุธที่ใช้ทั้งหมดเป็นอาวุธประจำกายคือปืนเอ็ม 16 เอชเค 33 อาก้าหรือเอเค 47 และกระบอกสุดท้ายคือเอ็ม79 ซึ่งเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดสังหารบุคคลโดยเฉพาะ ซึ่งรถกระบะที่ไล่ยิงตามหลังระยะใกล้ชิดเกินไป เขายิงทะลุกระจกหลัง 1 นัดเข้าไปตกที่รถของนายสนธิจึงไม่ระเบิด ซึ่งคนยิงมีความชำนาญมาก ถ้าเป็นทหารยิงคงต้องเป็นทหารชั้นเยี่ยม ที่นายสนธิต้องผ่าเปิดกะโหลก เพื่อนำสะเก็ดออกไม่ใช่กระสุนแท้ๆเป็นเพียงสะเก็ดที่กระเด็นเข้าไป
ปรามาสตำรวจจับคนร้ายไม่ได้
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องเพราะนายสนธิได้ด่าคนทั้งประเทศจำนวนมากไปด่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ( คมช.) ไปด่า ผบ.ตร.และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) นอกจากนี้ ยังไปวิจารณ์คุณหญิงใกล้ชิดเบื้องสูง ซึ่งบุคคลที่กระทำการคือระบบชนชั้นปกครอง เพราะคงไม่มีใครกล้าไปไล่ยิงคนอื่นในช่วงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า มีคนสงสัยว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลอบยิงนายสนธิ พล.ต ขัตติยะ กล่าวว่า ถ้าเกี่ยวตนจะบอกว่าเกี่ยว ที่นายสนธิโดนเป็นการโดนจองกฐินหลวง แต่กลุ่มเสื้อแดงไม่เกี่ยวกับงานนี้เพราะก่อนที่ตนจะเดินทางไปยุโรปตนเดินตรวจแนวรบของเสื้อแดงว่าอย่ามีอาวุธ เมื่อถามว่าหวั่นหรือไม่หากผลการสืบสวนออกมามีการพาดพิงและเรียกตัวให้ไปสอบสวน พล.ต ขัตติยะ กล่าวว่า ตำรวจจะถูกด่าการจะเรียกไปสอบสวนต้องมีพยานหลักฐานไม่ใช่อยู่ดีๆจะเรียกไปดื้อๆ ทั้งนี้เชื่อว่าคราวนี้จับใครไม่ได้
รองปธ.วุฒิคาดมือที่สามฉวยโอกาส
นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เหตุการณ์นั้นทำให้ทุกคนต้องระวังตัว เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย เรื่องนี้ไม่อยากให้ใครปักใจว่าเป็นฝ่ายคนเสื้อแดงเป็นคนทำ เนื่องจากนายสนธิ มีศัตรูค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นมือที่สามอาศัยจังหวะนี้ในการสร้างสถานการณ์ก็ได้
ด้านนายคำนวณ ชโลปถัมป์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดา กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้แกนนำเสื้อแดงทุกคนตกในที่นั่งลำบาก คงไม่มีใครคิดดำเนินการอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นการก่อเหตุโดยเสื้อแดงเป็นผู้บงการอาจจะตัดไปได้ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพ.ต.ท.ทักษิณอาจจะมีส่วนร่วมด้วยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะจากการพิจารณาถ้อยคำจากการโฟนอินทุกครั้งเป็นเพียงการต้องการประชาธิปไตยคืนและต้องการให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกลับเข้ามาเป็นผู้นำประเทศได้ เนื่องจากถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีและมีคดีอาญาอยู่ เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความคิดเช่นนี้
"จากการสังเกตุแกนนำพันธมิตรฯ หลายคนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนมีถ้อยคำที่ว่า "เสร็จงานแล้วก็จะเก็บกันเลยเหรอ" ทำให้ผมต้องเก็บไปคิดว่าคนที่กระทำการเรื่องนี้เป็นใคร ส่วนตัวไม่อยากพูดออกไป เพราะเกรงว่าจะหมิ่นประมาท แต่เชื่อว่าประชาชนสามารถแปลความได้ เพราะคนที่เคยทำงานร่วมกับนายสนธิมีไม่กี่กลุ่มและกลุ่มที่เคลื่อนไหวร่วมกันในบทบาทที่สำคัญๆ มีอยู่ไม่กี่คน"นายคำนวณ กล่าว
"สมเจตน์ "แฉเตรียมการ-วางแผนดี
พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคมช.กล่าวว่า เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วน แต่ต้องใช้เวลาในการวางแผนและเตรียมการมานานพอสมควร เมื่อถามว่า เป็นการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ พล.อ. สมเจตน์ กล่าวว่า ไม่อยากพูดอย่างนั้นแต่คิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกันมา ส่วนจะเป็นการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณหรือบริวารหรือเป็นกระทำของมือที่สามคิดว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องไปดำเนินการ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ถือเป็นการเหยียบจมูกรัฐบาล กองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงและเกิดขึ้นท่ามกลางการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
"คิดว่าคนที่ทำต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความสามารถ คือแม้จะมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่สามารถขัดขวางการกระทำของกลุ่มเขาได้ ถ้าหากเขาต้องการจะทำและบังเอิญไปสอดคล้องกับคำปราศรัยของทักษิณที่เคยปราศรัยว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีน้ำยา ผมไม่อยากระบุว่าเป็นการกระทำของใครแต่ต้องดูสถานการณ์ที่สืบเนื่องและสอดคล้องกัน"พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า เป้าหมายของการยิงสนธิเขาต้องการอะไร พล.อ. สมเจตน์ กล่าวว่า นายสนธิ เป็นจักรกลสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯและมีจุดแข็งหลายๆอย่าง หากขาดนายสนธิไปคนหนึ่งจะทำให้การต่อสู้ของกลุ่มที่ไม่เอา พ.ต.ท. ทักษิณ น่าจะอ่อนแรงลง แต่ตนไม่ได้ปักใจว่าเป็นเพราะกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่แต่อาจจะเกิดขึ้นจากมือที่สามก็ได้ เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯตั้งข้อสงสัยว่าคนที่ลอบยิงนายสนธิเป็นกลุ่มคนมีสีและอยู่ในอำนาจรัฐ พล.อ. สมเจตน์ กล่าวว่าเป็นไปได้ทั้งกลุ่มมีสีหรืออาจเป็นอดีตหรืออาจจะถูกฝึกขึ้นมาก็ได้ เพราะอาวุธสงครามในประเทศไทยหาไม่ยาก แต่เหตุที่มุ่งว่าเป็นการกระทำของคนมีสีเพราะอาวุธที่ใช้เป็นอาวุธสงคราม ซึ่งคนมีสีมีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่ในราชการ และส่วนที่ออกจากราชการไปแล้ว แต่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มคนที่ไม่มีสีก็ได้
"ถ้าจุดม่งหมายของเขาต้องการทำให้สังคมมองว่า เป็นการกระทำจากคนมีสี ซึ่งคิดว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะทำตรงนี้ให้ออกมาชัดเจนว่าเป็นใครเพื่อให้สังคมหายสงสัยและหายเคลือบแคลง ทั้งนี้หากเกิดความเคลือบแคลงจะทำให้เกิดความหวาดระแวงไม่ไว้วางใจกัน ซึ่งจะทำให้การจะทำงานร่วมกันเป็นไปได้ยาก"พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
ชี้สังคมหวาดระแวง-อันตราย
เมื่อถามว่า แสดงว่ากลุ่มที่ทำต้องการให้เกิดความแตกแยกกันภายในกลุ่มพันธมิตรฯและแนวร่วมเพื่อให้หวาดระแวงกันเอง พล.อ. สมเจตน์ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง แต่อย่าเพิ่งไปปักใจโดยไม่มีหลักฐาน เพราะถ้าปักใจจะเกิดความหวาดระแวงไม่ไว้วางใจกัน ซึ่งจะไปเข้าตามความต้องการของเขา กรณีที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มใดก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนของสังคมคือความหวาดระแวงและความไม่ปลอดภัยทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นสังคมที่อันตรายอย่างยิ่ง
“ลักษณะที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถ้าไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้จะเป็นสังคมที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้สังคมอยู่ท่ามกลางความหวาดระแวงนั้นเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและฝ่ายข่าวกรองแห่งชาติต้องร่วมมือร่วมใจกันและเร่งรัดต่อคดีนี้ นำผู้กระทำความผิดและผู้จ้างวานมารับโทษโดยเร็วที่สุด ถ้าเร่งรัดดำเนินการความวิตกกังวลตรงนี้จะหายไปและจะได้ไม่สงสัยว่าทหารเป็นคนทำหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการอย่างนี้อาจจะเป็นแผนให้เกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
โฆษก ทบ.ยันทหารไม่มีเอี่ยว
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีเหตุลอบยิงนายสนธิ ขณะประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการให้อำนาจทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบตามพื้นที่จุดต่างๆ แต่กรณีดังกล่าวเป็นก่อคดีอาชญากรรม เป็่นหน้าที่ของตำรวจต้องดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุแล้วว่ากำลังทหารที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่มีภารกิจอย่างไร เมื่อถามว่า มีการพุ่งเป้ามาที่ทหารเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับทหาร แต่หากมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.อ.อนุพงษ์ พูดชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าสีไหนตำรวจต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินคดีมาลงโทษ เมื่อถามว่า มีการพุ่งเป้ามาที่กองทัพหลังนายสนธิวิจารณ์เรียกร้องให้ปลดผบ.เหล่าทัพ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว คำพูดสนธิไม่พลังพอที่ใครจะไปทำตาม เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง
"เอพี"ชี้ยิง"สนธิ"เพิ่มอุณหภูมิการเมือง
ในส่วนของปฏิกริยาสื่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวเอพี รอยเตอร์ เอเอฟพี และ อัลจาซีรา ต่างนำเสนอข่าวเหตุการณ์ยิงถล่มนายสนธิ โดยการรายงานเหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายดักยิงถล่มนายสนธิ ซึ่งสื่อต่างประเทศระบุว่าเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่เคลื่อนไหวต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ จนได้รับบาดเจ็บ
สำนักข่าวเอพีชี้ว่า เหตุโจมตีนายสนธิได้ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองของไทยร้อนระอุขึ้นมาอีกจากที่เพิ่งเย็นลงไปหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ออกมาเคลื่อนไหวก่อเหตุจลาจลรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เอพียังระบุอีกว่า เหตุโจมตีครั้งนี้ยังจะยังทำให้บรรยากาศการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เ กับกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณที่ดำเนินมานานตึงเครียดขึ้นมาอีก
ขณะที่นายโทนี เฉิง ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอัลจาซีรา ในกรุงเทพฯ รายงานว่า การดำเนินมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทั่วกรุงเทพฯอย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงที่จะมารวมตัวกันบนท้องถนนอีกครั้งนั้นยากขึ้น และนั่นยังอาจนำไปสู่การก่อเหตุโจมตีเป้าหมายอื่นๆในลักษณะนี้ขึ้นอีกได้ เหตุความรุนแรงครั้งล่าสุดนี้ยังทำให้มีความหวั่นกลัวกันมากขึ้นว่าสถานการณ์อาจจะย้อนกลับไปอย่างที่เคยเป็นในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ หรือ 6 ตุลาฯ ซึ่งมีหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นและประเทศไทยตกอยู่ในความแตกแยกร้าวลึก
เทพไทจวกจตุพรไร้สัจจะ คุ้ยปมเดิมพันส.ส.แพ้วินัย สมพงษ์ เชื่อเดินเข้าคุก เย้ยจะเอาข้าวผัดเยี่ยม
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เทพไทจวกจตุพรไร้สัจจะ คุ้ยปมเดิมพันส.ส.แพ้วินัย สมพงษ์ เชื่อเดินเข้าคุก เย้ยจะเอาข้าวผัดเยี่ยม