คมชัดลึก : นับตั้งแต่ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และบรรดาพลพรรคนอมินีอย่างเต็มตัว "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้ง นสพ.ผู้จัดการ ก็ถูกปองร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงครั้งล่าสุดที่ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามเกือบ 100 นัด ก็ยังรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์
สิ้นเสียงปืนที่ดังระรัวถี่ยิบตอนรุ่งอรุณ 17 เมษายน ชุดสืบสวนจากศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศส.บช.น.) กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 1 (กก.สส.น.1) และ สน.ชนะสงคราม ก็ตั้งประเด็นสังหารไปที่ 4 ประการหลักๆ คือ การเป็นแกนนำพันธมิตรล้มล้างระบอบทักษิณ การประกอบธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ประเด็นเทปลับที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า หากเป็นอะไรไปจะนำเทปลับการทุจริตของกลุ่มการเมืองก๊วนใหญ่ในภาคอีสานตอนล่างมาเปิดโปง ตลอดจนการสร้างสถานการณ์ให้เข้าใจว่าเป็นฝีมือกลุ่มเสื้อแดง
การปองร้ายสนธิไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลือง หน่วยงานด้านการข่าวเคยจับความผิดปกติของกลุ่ม เสธ.ทหารคนดังร่วมกับอดีตทหารระบือนาม มีการซ่องสุมกำลังพลและเคลื่อนย้ายอาวุธสงคราม แต่ไม่รู้เป้าหมายที่ชัดว่าต้องการนำไปทำการใด จึงได้เตือนไปยังแกนนำพันธมิตรและบุคคลมีชื่อเสียงที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลือง
หน่วยการข่าวไม่ลืมแนะนำให้บรรดาแกนนำและคนดังปรับเปลี่ยนเส้นทางและวิถีการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ดูเหมือนสนธิจะไม่ให้ความสนใจเท่าใด ยังคงยึดเส้นทางเดิมระหว่างไปกลับที่ทำงานกับบ้านอยู่เหมือนเคย
แทบทุกวันที่สนธิออกจากบ้านพักในซอยสุโขทัย 3 เขาจะให้คนขับรถเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 5 แล้วมาเลี้ยวขวาหน้าวัดเบญจมบพิตร ผ่านแยกลานพระบรมรูปทรงม้า แยกพล.1 ผ่านแยกสี่เสาเทเวศร์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเทเวศร์ แยกเทเวศร์ ผ่านแยกบางขุนพรหม แล้วจึงเลี้ยวขวาเข้าแยกพระอาทิตย์ เข้าที่ทำงานที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นเช่นนี้แทบทุกวัน
กลุ่มคนเบื้องหลังเหตุลอบสังหารครั้งนี้ ก็รับรู้ถึงวิถีประจำวันของสนธิในลักษณะแนวเดียวกันนี้ จากการสันนิษฐานของชุดสืบสวนที่ระดมแนวคิดประมวลเหตุการณ์แล้วเชื่อว่า คนร้ายมีการสำรวจดูเส้นทางระหว่างบ้านพักถึงที่ทำงานบ้านพระอาทิตย์อยู่นาน จนรู้ว่าเส้นทางจากบ้านพักในซอยสุโขทัยมาถึงแยกบางขุนพรหมไม่มีกล้องวงจรปิดเลยแม้แต่ตัวเดียว
จะมีก็เพียงแค่กล้องซีซีทีวีของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เพียง 2 ตัวเท่านั้น ตัวแรกส่องไปยังแยกเทเวศร์ อีกตัวมุมกล้องส่องไปทางบางลำพู แต่ทั้งสองตัวไม่มีการบันทึกเทปไว้ แม้ว่าจุดเกิดเหตุกล้องจะสามารถจับตำแหน่งรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ของสนธิ ที่หยุดนิ่งการเคลื่อนไหวอยู่ในระยะ 40 เมตร แม้จะเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน แต่เมื่อไม่มีการบันทึกเทปเอาไว้ก็ไม่มีความหมาย
อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนได้ตระเวนตรวจสอบตามเส้นทางการเดินรถของแกนนำพันธมิตรเหยื่อสังหาร ตั้งแต่จากบ้านจนถึงที่เกิดเหตุ เผื่อจะมีกล้องวงจรปิดตัวใดที่เล็ดลอดสายตาไปแล้วสามารถบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ สุดท้ายก็พบกล้องวงจรปิดของธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) สามารถบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ก่อนเกิดการยิงถล่ม
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ที่มีสนธิโดยสารอยู่ห้องโดยสารตอนหลังขับผ่านไป จากนั้นมีรถเก๋งซึ่งเป็นการ์ดของสนธิขับตามหลังมา อีก 13 วินาทีต่อมา กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถยนต์สีดำ ไม่ชัดเจนพอจะระบุได้ว่าเป็นรถเก๋งหรือรถกระบะขับผ่าน ตามมาด้วยรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีทอง ซึ่งพยานที่เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่าเป็นยานพาหนะที่คนร้ายใช้
เมื่อได้ภาพจากกล้องวงจรปิดประกอบกับคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ จึงจำลองเหตุการณ์ขึ้นมาอีกครั้ง โดยเชื่อว่าคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้ปืนอาก้า เอชเค เอ็ม 16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ขับรถตามประกบหลังมาเป็นระยะๆ รอจนกระทั่งก่อนถึงแยกบางขุนพรหมจึงขับแซง แล้วใช้อาวุธสงครามยิงใส่ล้อรถโตโยต้า อัลพาร์ด แล้วเร่งเครื่องขับปาดหน้า คว้าเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงเข้าใส่หวังให้รถระเบิด ยุติเรื่องโดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธสงครามที่เหลือ แต่ชะตาของสนธิยังไม่ถึงกำหนด ทำให้ลูกระเบิดไม่ทำงาน คนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน จึงระดมยิงอาวุธสงครามเข้าใส่รถตู้จากด้านหน้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนที่เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ให้ความเห็นเกี่ยวกับตัวคนร้ายต่อชุดสืบสวนว่า คนร้ายเป็นคนที่ใช้อาวุธปืนได้ ใช้อาวุธสงครามเป็น ยิงในลักษณะกึ่งอัตโนมัติ แต่เป็นมือใหม่ !?!
เขาอธิบายว่า คนร้ายยิงในลักษณะเจาะกลุ่มจากด้านหน้า แต่เนื่องจากรถอัลพาร์ดค่อนข้างสูง เมื่อสนธิรู้ตัวว่าถูกลอบยิงตั้งแต่นัดแรกที่ยิงยางรถยนต์ เขาน่าจะหมอบลงกับพื้นรถ ช่วยให้กระสุนพลาดไม่เข้าเป้า เมื่อการ์ดบนรถและที่ตามมาตั้งตัวได้ก็ชักอาวุธปืนพักสั้นยิงตอบโต้ สังเกตได้จากพบปลอกกระสุนปืนพกสั้นตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ทำให้คนร้ายหลบหนีไป
"นอกจากนี้ คนร้ายยังไม่รู้ยุทธวิธีสังหาร ถ้าเป็นมืออาชีพ 1 ใน 3 จะทำหน้าที่ยิงป้องกัน ยิงต้านการ์ดไว้ไม่ให้ตอบโต้ได้ ส่วนที่เหลือจะเข้าขนาบยิงจากด้านข้าง กราดกระสุนเป็นแนวกว้างๆ เอาไว้ โอกาสหวังผลมีเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะหมอบอยู่อย่างไรวงกระสุนก็ครอบคลุม" ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนให้ความเห็น
"คม ชัด ลึก" ยังได้รับการเปิดเผยจากพยานรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เกือบตลอด เล่าว่า ตอนแรกได้ยินเสียงคล้ายประทัด นึกว่ามีคนจุดให้หลวงปู่ทวดวัดเอี่ยมวรนุช จึงออกไปดู พบว่ามีการยิงกันจึงหมอบลงแล้วดูเหตุการณ์ เมื่อเสียงปืนสงบเห็นรถกระบะสีดำ ติดฟิล์มดำมืด ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่นและทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางบางลำพู
หลังจากนั้นเห็นสนธิลงจากรถตู้ ศีรษะด้านขวามีเลือดไหล คนบนรถเก๋งที่ขับตามหลัง มารู้ทีหลังว่าเป็นการ์ดตรงมาหาสนธิ พวกเขาพยายามลำเลียงผู้บาดเจ็บบนรถตู้ขึ้นรถเก๋ง แต่ขึ้นได้ไม่หมด ทั้งหมดเลยเดินข้ามมาที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ช่วงนั้นมีรถกระบะสีทอง รถขนเนื้อส่งตลาดกำลังจะล้างท้ายกระบะ การ์ดนำผู้บาดเจ็บขึ้นหลังรถ รวมทั้งสนธิด้วย จากนั้นสนธิตะโกนให้คนขับช่วยขับไปส่งโรงพยาบาล
ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบลักษณะการก่อเหตุ การเลือกใช้อาวุธของคนร้าย เพื่อตรวจสอบกับบัญชีซุ้มมือปืนที่มีอยู่ว่าตรงกับรายใดหรือไม่ แต่เนื่องจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อว่าเป็นมือใหม่ ก็ทำให้งานนี้ไม่ง่ายขึ้นสักเท่าไรนัก !?!