(17เม.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังชี้แจงสื่อต่างประเทศถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า สื่อต่างชาติให้ความสนใจกับกรณีการกล่าวอ้างว่ามีการปกปิดและบิดเบือนข้อมูลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งตนได้ชี้แจงถึงเครือข่ายในการปล่อยข่าวและข้อมูลเท็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกลุ่มเสื้อแดง โดยยุทธศาสตร์สำคัญของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ใช้เครือข่ายต่างๆ เพื่อสร้างความสับสนให้กับประชาชนและใส่ร้ายเจ้าหน้าที่
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แยกเป็น 8 เครือข่ายสำคัญ คือ 1. การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสื่อต่างชาติว่ามีการยิงผู้ชุมนุมเสียชีวิตและนำศพโยนทิ้งน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในประเทศ 2.กลุ่มไซเบอร์ อาทิ นักรบไซเบอร์ เรดกรุ๊ป เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนผ่านทางสื่ออินเตอร์เน็ต 3.มูลนิธิกู้ภัยบางแห่ง มีการจัดฉากว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต 4.เครือข่ายวิทยุชุมนุม ที่พยายามปล่อยข่าวตลอดเวลาว่ามีการพบศพและขนศพไปในจุดต่างๆ 5.เครือข่ายผู้นำชุมชนที่มีการจัดเตรียมสร้างสถานการณ์ให้ข้อมูลเท็จผ่านทางสื่อ 6. กลุ่มนิสิตนักศึกษาที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดง โดยอ้างว่ามีการตั้งโต๊ะรับแจ้งบุคคลสูญหาย และได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่ามีผู้สูญหายกว่า 60 คน 7.ตำรวจ และทหารนอกรีต มีการไปปล่อยข่าวพูดคุยในกลุ่มต่างๆ ว่ามีการยิงผู้ชุมนุม และ 8.สื่อปลอม อาทิ หนังสือพิมพ์แท็ปลอยบางฉบับที่ใช้สร้างหลักฐานเท็จ ซึ่งเป็นการชี้นำให้สังคมเกิดความสับสน
“ผมขอยืนยันว่ายืนยันว่ารัฐบาลไม่นิยมใช้ความรุนแรง หรือวิธีการอุ้มฆ่าแน่นอน และจะเร่งดำเนินการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้นสื่อต่างชาติยังได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินคดีของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่าปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ซึ่งผมได้ยืนยันว่ารัฐบาลยึดกฎหมายเป็นหลัก ให้ความเสมอภาคกับทุกฝ่าย อีกทั้งคดีความต่างๆ ที่มีการดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรนั้นก็เป็นการดำเนินการตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ แล้ว ” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นสื่อต่างประเทศยังได้สอบถามถึงทางออกของประเทศไทย และการสร้างความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าในสัปดาห์หน้าหลังจากที่มีการประชุมสภาฯ น่าจะได้มีการหารือร่วมกันและนำไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองต่อไป