โทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเอง หลังม็อบเสื้อแดงผลักไสชาวบ้านให้ไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาล
จะเป็นเจตนา เป็นความผิดพลาด หรือจัดการม็อบไม่ดีก็ตาม แต่การยกพวกไปปิดถนนพ่วงกับการขนรถแก๊สมาจอดขวางทาง
ทำให้รัฐบาลได้โอกาสจัดการม็อบเสื้อแดงอย่างสบายอารมณ์ โดยไร้เสียงคัดค้านจากชาวบ้าน
ในวาระอันดีนี้เองรัฐบาลจึงเร่งรุกไล่หมายถอนรากถอนโคนสายพันธุ์เสื้อแดง เพื่อป้องกันเติบโตกลับมาเป็นหอกทิ่มแทงรัฐบาลอีก
การจับกุมบรรดาแกนนำ การสั่งปิดสถานีวิทยุชุมชน รวมไปถึงโทรทัศน์ดีสเตชั่น ทั่วประเทศ ถือเป็นการรุกคืบที่ดุดันอย่างยิ่ง
การบุกตะลุยปราบเสื้อแดงอย่างสนุกมือ เร่งรีบดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและฉับไว
อีกภาพหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาคือความรู้สึก"ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด"หรือ 2 มาตรฐาน!?
วันที่ม็อบเสื้อแดงประกาศสลายการชุมนุมจากหน้าทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งร่ำไห้และระบายอารมณ์อย่างไม่พอใจถึงการทำงานของรัฐบาลและกระบวนการยุติธรรม
โดยเปรียบเทียบกับภาพม็อบพันธมิตรฯ บุกเข้าไปยึดทำเนียบฯ นานเป็นเดือนๆ ในขณะที่พวกเขาตั้งเวทีอยู่ด้านนอก
ม็อบพันธมิตรฯ บุกยึดและทำลายทรัพย์สินสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที สนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ในขณะที่พวกเขาบุกโรงแรมขัดขวางการประชุมอาเซียน
คำถามจากฝ่ายเสื้อแดงก็คือมันแตกต่างกันหรือไม่
แม้จะยอมรับในระดับหนึ่งว่าการปิดถนนและก่อเหตุวุ่นวายไปทั่วเมืองนั้น ไม่ถูกต้อง
แต่คำถามก็กระหึ่มขึ้นมาจากเสื้อแดงว่า แล้วพฤติกรรมของ"เสื้อเหลือง"มันดีกว่าเสื้อแดงตรงไหน
เช่นเดียวกับการขึ้นเวทีปลุกเร้าอารมณ์ของแกนนำเสื้อแดง กลุ่มผู้ชุมนุมมองว่าแทบไม่ต่างจากที่แกนนำพันธมิตรฯ เคยกระทำมาก่อน
และแกนนำทั้ง 2 สีถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแกนนำเสื้อแดงถูกควบคุมตัวไว้ทันที ทั้งห้ามเยี่ยมและคัดค้านการประกันตัว ขณะที่แกนนำเสื้อเหลืองสามารถกลับไปนอนเล่นที่บ้านนานนับเดือน ก่อนเดินเท่เข้าพบตำรวจและกลับออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เช่นเดียวกับการนำเสนอของสถานีดีสเตชั่นกับเอเอสทีวี ในลักษณะการเป็นอริและตำหนิการทำงานของรัฐบาล ก็แทบแยกความแตกต่างกันไม่ออก
ที่ผ่านมาเสื้อแดงแสดงเจตนาชัดเจนที่จะเดินรอยตามพฤติกรรมเสื้อเหลืองทุกย่างก้าว
จึงไม่แปลกใจที่กลุ่มเสื้อแดงต้องร่ำไห้ระบายความรู้สึกเจ็บแค้นถึงสิ่งที่ได้รับ
นี่คือสิ่งที่รัฐบาล และกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอนต้องตระหนัก และเป็นการบ้านให้ขบคิด
ว่าให้ความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกับคนไทยทุกคนหรือไม่!?