นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งถูกหมายจับคดีล้มล้างสถาบัน กล่าวว่า ในระหว่างที่แกนนำคนอื่นๆ มอบตัว
ตนก็อยากจะกลับเข้าพื้นที่ แต่กลับไม่ได้ เพราะถูกปิดล้อมไว้หมด และช่วงที่ผ่านมาก็ไปประเมินสถานการณ์โดยรอบแล้ว ฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตนจะตอบโต้ทุกประเด็นจนกว่าจะถึงวันที่ 22 เมษายน ซึ่งตนจะไปประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎร ก็ขอให้ทางสำนักงานตำรวจนครบาลแจ้ง ให้กับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุเข้าระเบียบวาระ จะได้มีการโหวตให้ตนเข้ามอบตัว ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ ส.ส. ซึ่งอยู่ในสมัยประชุมและมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่ต้องโดนดำเนินคดี
นายจตุพร กล่าวต่อว่า จึงขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปล็อบบี้สมาชิกพรรคและร่วมรัฐบาลให้มีมติส่งตัวตนไปดำเนินคดี
เนื่องจากเสียงของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลเพียงพอที่จะส่งตัวตนไปดำเนินคดี และตนก็พร้อมที่จะเดินเข้าไปมอบตัวทันที ซึ่งก็จะได้รู้ว่า สภาผู้แทนราษฎรที่เคยไม่อนุมัติให้ส่งตัว นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ ไปดำเนินคดีนั้น2 มาตรฐาน โดยจะดำเนินการกับคนเสื้อแดงเพียงฝ่ายเดียวหรือไม่
นายจตุพร กล่าวถึงการหายตัวไป ภายหลังยุติการชุมนุมคนเสื้อแดงว่า หลายวันที่ผ่านมามีการให้ข่าวว่าตนหลบหนี
ขอเรียนว่าวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังการปราศรัยในช่วงเช้า ตนได้ไปตระเวนตรวจสอบสถานการณ์รอบทำเนียบรัฐบาล พบว่ามีทางออกเพียงจุดเดียวคือคลองผดุงกรุงเกษม ที่เหลือโดนปิดล้อมแบบปิดตาย แต่เหตุที่ตนต้องออกไปประเมินสถานการณ์นั้น เพราะคนเสื้อแดงเหลืออยู่น้อยและเป็นการปิดล้อม โดยกองโจรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไคยและคนเสื้อน้ำเงินของนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ติดอาวุธอยู่ด้านหลังทหาร
"ได้บีบเข้ามาและยิงประชาชนแบบสองแถว ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งกับแกนนำคนอื่นๆ เพราะที่ผ่านมาคนเสื้อแดงตายไปหลายสิบคน และในวันนั้น แกนนำไม่ต้องการประชาชนเสียชีวิตไปมากกว่านี้ เมื่อแกนนำประเมินสถานการณ์แล้วจึงตัดสินใจว่าควรยุติการชุมนุมไปก่อน" นายจตุพร กล่าว