พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) กล่าววันนี้ (16 เม.ย.)
ถึงการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงของเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อวันที่ 13 -14 เม.ย.ว่า จากข้อเท็จจริงก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะประกาศวันดีเดย์ เมื่อดูจากแผนงานแผนการทำงาน ปรากฏว่าคำตอบที่ได้รับคือ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีแผนอะไรเลย ทำไปวันๆ หากทำเช่นนั้นคงไม่มีทางสำเร็จทำงานระดับนี้ทำแบบนี้ไม่ได้ วันที่รัฐบาลใช้กำลังทหารปราบปราม ประชาชนต้องเข้าไปร่วม แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนจะเข้าไปร่วมได้อย่างไร เขาไม่มีแผนการทำงาน ตนจึงต้องถอยออกมา สิ่งที่พูดไปก็ต้องยกเลิกหมด
"การดำเนินการขึ้นอยู่กับ 3 คนเท่านั้น ผู้ควบคุมเหตุการณ์ไม่มี ผมมองอนาคตรู้เลยว่าจะไปไม่รอด หากเป็นเช่นนี้ทำงานใหญ่ไม่ได้ การทำงานใหญ่ต้องมีขั้นตอน 1- 2 และ 3 เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีมือที่ 3 เข้าป่วน แค่อยู่เฉยๆก็พังแล้ว จะต่อสู้ได้อย่างไรเมื่อไม่มีแผนดำเนินการ และการต่อสู้แบบใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน เช่น การเอารถแก๊สไปวางไว้ที่แยกดินแดง มันไม่ถูกต้อง ทำงานแบบนี้ต้องดึงมวลชนมาเป็นพวก แต่การดำเนินการกลับตรงข้าม เอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน แทนที่เขาจะร่วมมือ กลายเป็นโกรธแค้นแล้วออกมาต่อต้าน อย่างจุดที่ยิงมัสยิด ทำแบบนี้ได้อย่างไร ไม่สามารถเรียกมวลชนได้ รวมทั้งการขับไล่และทำร้ายสื่อมวลชนเป็นเรื่องผิดพลาดแอย่างแรง เขาไม่มีแผนเผชิญเหตุเลย"พล.อ.พัลลภ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรในช่วงประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการฉุกเฉิน พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงน่าจะฝ่อไป
จากการสังเกตเห็นได้ว่า ระดับแกนนำไม่มีใครมาร่วม จากการที่ตนโทรศัพท์พูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถามว่าเขารู้เรื่องนี้หรือไม่ เขาบอกว่าแกนนำไม่ให้ ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามายุ่งเลย รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน เขาก็ไม่ให้มายุ่ง ตนก็งงว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ความจริงต้องมารวมกันทั้งหมด ตนไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเลย และคิดว่าการถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เดือดร้อนมีหลายประเทศรองรับด้วยการให้ที่พักพิง เมื่อถามว่า แนวโน้มสถานการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า แนวโน้มอนาคตรัฐบาลคงเดินไปตามกฎหมาย ตามกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้องที่สุด ต้องไม่มี 2 มาตรฐานถึงจะอยู่ได้ แต่หากยังมี 2 มาตรฐานอยู่ก็ลำบาก