สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายหลัง "วีระ มุสิกพงศ์" แกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 เมษายน พร้อมกับทยอยเข้ามอบตัวโดยอ้างถึงความปลอดภัยของคนเสื้อแดง
สร้างความโล่งใจให้กับประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงหรือเหลือง
เพราะภาพการ "ห้ำหั่น" ของคนไทยด้วยกัน ที่ปรากฏในสื่อมวลชนในช่วง 6 วันที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นการทุบกระจกเข้าไปในโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช พัทยา สถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนบวกสาม บวกหก
การบุกกระทรวงมหาดไทย เพื่อตามล่าหาตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีการทำร้าย "นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมไปถึงพลขับอย่างไร้มนุษยธรรม
ตลอดจนภาพการปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับประชาชนที่แสดงพลังบริสุทธิ์ในการปกป้องที่พักอาศัยในย่านแฟลตดินแดง นางเลิ้ง ยมราช และถนนเพชรบุรี
ทั้งหมดล้วนเป็นฝันร้ายของคนไทยทั้งชาติ
และนับจากวินาทีนี้ไปก็คือฝันร้ายของคน 3 กลุ่ม อันได้แก่ "คนเสื้อแดง" "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี และ "พรรคเพื่อไทย" ที่ต้องเผชิญชะตากรรม
หลังจากเป็นฝ่าย "พ่ายแพ้" ในสงครามประชาชนครั้งนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผลพวงจากเหตุการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยอย่างคาดไม่ถึง
ผลกระทบแรก "เครื่องมือ" ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็คือการขับเคลื่อนของคนเสื้อแดงต้องสะดุดลงชั่วคราว
ผลกระทบต่อมาส่งผลด้านลบต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกระแสในพื้นที่ กทม.
เพราะยุทธวิธีเผด็จศึกของ "คนเสื้อแดง" อาทิ การยึดรถบรรทุกก๊าซไปจอดบริเวณแฟลตดินแดง และการเผารถเมล์ในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ชุมนุมต่างๆ ถือเป็นการผลักบรรดามวลมิตรให้เป็นศัตรูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งประเด็นเหล่านี้ "บรรดาบิ๊กเพื่อไทย" ต่างตระหนักเป็นอย่างดี เพราะทันทีที่มีการประกาศสลายการชุมนุม แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ปรับเปลี่ยนท่าทีให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหันกลับมาเล่นเกมในสภา
โดยเรียกร้องให้มีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อหารือถึงข้อยุติของความขัดแย้งร่วมกัน ซึ่งจะมีการหยิบยกทางออกขึ้นมาพิจารณา อาทิ การผลักดันรัฐบาลเพื่อชาติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออก พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังเตรียมดำเนินการชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง แม้จะมีภาพ ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมแต่ถือเป็นเอกสิทธิ์ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของ ส.ส.
มาตรการ "ตัดหางปล่อยวัด" แกนนำคนเสื้อแดง ที่ถูกดำเนินคดีจึงถูกกำหนดขึ้นในวงสนทนาของ "บิ๊กเพื่อไทย" ในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง โดยคดีความต่างๆ ที่บรรดาแกนนำต้องเผชิญทางพรรคเพื่อไทยจะปล่อยให้เป็นหน้าที่แกนนำคนเสื้อแดงรับผิดชอบตัวเองไป
แต่ทั้งนี้ในทางลับพรรคเพื่อไทยยังไม่ทิ้งการเล่นเกมนอกสภา
โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธวิธี "ป่าล้อมเมือง" ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย เพื่อเขย่าเสถียรภาพของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งจะเริ่มขับเคลื่อนภายหลังเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไป ในรูปแบบของ "ม็อบปากท้อง" เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ มากกว่าการชุมนุมที่มีจุดมุ่งหมายทางการเมือง
ส่วนขบวนการ "ใต้ดิน" จะปล่อยหลักฐานจำนวนผู้สูญหายจากเหตุการณ์ชุมนุม ตามช่องทางต่างๆ อาทิ เว็บไซต์ อี-เมล หรือแม้แต่ยุทธวิธีโบราณคือเสียงเล่าลือปากต่อปาก เพื่อให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลและทหารที่ใช้ความรุนแรง โดยมอบหมายให้คนบ้านเลขที่ 111 รับผิดชอบในส่วนนี้
จากนี้ไปต้องจับตามองการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหว หลังจากที่เสียมวลชน ภาพลักษณ์ และความชอบธรรม
ต้องกลายเป็นจำเลยของสังคมอย่างช่วยไม่ได้
โดยเฉพาะภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เสียรังวัดไปแทบหมดสิ้น
หลังจากนี้บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณในพรรคเพื่อไทยจะต้องลดน้อยลงไปโดยปริยาย
ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป "ทักษิณ" ต้องถูกรุกไล่ทั้งจากรัฐบาลและสังคม
เพราะ "ทักษิณ" คือต้นตอของปัญหาทั้งมวล...