ทหารสลาย-"แดง"คลั่ง เผาเมือง!
ปะทะทั้งวันเจ็บ96-สาหัส9 "แม้ว"ฟ้องซีเอ็นเอ็น"มีตาย" "อภิสิทธิ์"โต้ไม่มี"สูญเสีย" "สุเทพ"ห่วงวินาศกรรมกรุง
เผาเมือง - กลุ่มคนเสื้อแดงเผายางรถยนต์สกัดการเข้าสลายการชุมนุมของกำลังทหาร บริเวณสะพานข้ามแยกสามเหลี่ยมดินแดง มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นอกจากนี้ยังเผารถเมล์กลางถนนราชปรารถ ระบายความโกรธแค้น ระหว่างสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 เมษายน |
สลายม็อบปิดถ.ดินแดงเจ็บอื้อ
กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ซึ่งตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส. เป็นผู้อำนวยการ กอฉ. เข้าทำการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปิดกันถนนบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 13 เมษายน จนมีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเจ้าหน้าที่ทหารหลายร้อยนายพร้อมโล่ และอาวุธปืน เริ่มประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวนำรถแท็กซี่และรถเมล์มาจอดปิดขวางการจราจรบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมาเปิดการจราจร แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตาม จึงได้ใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มเสื้อแดง และระดมยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นระยะ ทำให้กลุ่มเสื้อแดงต้องถอยร่นออกมาทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่มีกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนพยายามตอบโต้กับทหารโดยใช้รถเมล์ รถแท็กซี่ขับเข้าชน และเผายางล้อรถยนต์เพื่อเป็นแนวกั้นเกิดการปะทะกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทหารเข้ายึดตรึงพื้นที่ไว้ได้ โดยมีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายจำนวนมาก จากนั้นมีรถพยาบาลเข้า-ออกในพื้นที่ลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงตลอดเวลา
โฆษกทบ.ชี้คุมสถานการณ์ได้แล้ว
เวลา 07.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการสลายชุมนุมเสื้อแดงที่แยกสามเหลี่ยมดินแดงว่า เพราะมีประชาชนได้ร้องเรียนมาเป็นจำนวนมากจากบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ทางทหารได้ประเมินสถานการณ์แล้วพบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีประมาณ 300 คน จึงเข้าไปสลายการชุมนุม ก่อนการสลายนั้น ได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมให้สลายตัวไป แต่ปรากฏว่า ทางฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมกลับใช้อาวุธปืนยิงลงมาจากทางด่วน และปาระเบิดเพลิงเข้าใส่ทหาร และได้ใช้รถเมล์พุ่งชนจนทหารได้รับบาดเจ็บไปกว่า 10 นาย ทางทหารจึงได้ใช้อาวุธปืนยิง แต่ขอย้ำว่า เป็นการยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่และมีการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมกับใช้กำลังทหารเดินหน้าตะลุยไป
"การสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้น ทหารได้รับบาดเจ็บไปหลายนาย เนื่องจากถูกอาวุธปืนของกลุ่มผู้ชุมนุม ทางทหารจึงได้ประสานงานกับศูนย์นเรนทรลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล การสลายการชุมนุมใช้เวลาประมาณชั่วโมงก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยแยกผู้ชุมนุมออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนหนึ่งผู้ที่ถูกหลอกให้เข้ามาร่วมชุมนุม ไม่เต็มใจเข้าร่วม จึงกันประชาชนกลุ่มนี้ให้กลับบ้านไป ส่วนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ที่พยายามปลุกระดม และเป็นแกนนำ จึงควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย"
หมดเวลาประนีประนอมแล้ว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า การควบคุมสถานการณ์ชุมนุมว่า จะต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ทุกวิถีการปฏิบัติ ขอให้เกิดผลกระทบ และความสูญเสียต่อผู้ชุมนุมให้น้อยที่สุด ส่วนที่ยังมีการปิดถนนตามจุดต่างๆ ก็จะต้องพิจารณาเป็นจุดๆ เวลานี้ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล และกองทัพ ที่เห็นตรงกันว่า จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เด็ดขาด และเข้มข้นขึ้น แต่ทุกฝ่ายในสังคมที่ติดต่อเข้ามา ได้มองเห็นว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง แต่ความอะลุ่มอล่วย นุ่มนวล ไม่สามารถหยุดคนที่กระทำความผิดในขณะนี้ได้ จึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 07.15 น. มีการประกาศคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 98/2552 เรื่อง การจัดตั้งกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) โดยให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการ รมว.กลาโหมเป็นที่ปรึกษา และมีกรรมการอีกจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันยังมีการประกาศบังคับใช้ มาตรา 11 (6) ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่ห้ามมิให้มีการปิดเส้นทางจราจรหรือเส้นทางการคมนาคมโดดเด็ดขาด
เสื้อแดงโต้กลับใช้รถก๊าซขู่กู้ระทึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะโฆษกกองทัพบกจะประกาศคุมสถานการณ์บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดงได้ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงได้แตกเป็นดาวกระจายเคลื่อนไหวคอยตอบโต้กลับอยู่ตลอดเวลาบริเวณทางแยกสามเหลี่ยมดินแดงที่แยกจะไปถนนราชปรารภ ซอยรางน้ำ ถนนข้ามแยกดินแดง ไปอนุสาวรีชัยสมรภูมิ ถนนดินแดงฝั่งตรงข้ามหน้าโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ เป็นต้น
กระทั่งเวลา 10.05 น. กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มรุกกลับด้วยการขับรถบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ 1 คัน ไปจอดทิ้งไว้ภายในซอยรางน้ำ ใกล้บริษัท คิงเพาเวอร์ จำกัด ก่อนจะสลายไป โดยมีการส่งรถมอเตอร์ไซค์สายตรวจคนเสื้อแดงขับมาตรวจดูเป็นระยะๆ ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเข้าไปตรวจสอบและฉีดน้ำไปที่ตัวรถเพื่อควบคุมสถานการณ์ตลอดเวลา ต่อมา 12.03 น. เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบหาวัตถุระเบิดภายในรถก๊าซแต่ไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด รวมถึงก๊าซในถังได้มีการปล่อยระเหยออกจนหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำรถก๊าซคันดังกล่าวที่บริษัทอ้างว่าถูกจี้มาส่งคืนกลับไป
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. จึงสั่งการตำรวจ บก.1-9 ให้สำรวจและประชาสัมพันธ์สถานีบริการน้ำมันและปั๊มก๊าซในพื้นที่ให้ใช้ความระมัดระวังการจอดรถเนื่องจากกลัวคนร้ายใช้ช่วงจังหวะโอกาสขับรถไปก่อเหตุ หลังมีการแจ้งคนร้ายก่อเหตุลักรถขนก๊าซ ทะเบียน 81-9629 กรุงเทพมหานคร จากพื้นที่ สน.ดินแดงมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแต่ถูกตำรวจสกัดจับกุมได้บริเวณแยกดินแดง
ชาวแฟลตผวาตายโห่ไล่กระเจิง
ผู้สื่อข่าวรายงานจุดวิกฤตอีกจุดหนึ่งเป็นบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนพิบูลย์ประชาสรรค์ หลังจากกุล่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งนำรถแก๊สแอลพีจีมาจอดขวางถนนดินแดงใกล้กับแฟลต 2 และ 3 ของเคหะดินแดง ตั้งแต่เวลา 09.40 น. เพื่อสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ทหารมาสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่บริเวณแยกประชาสงเคราะห์ใกล้โบสถ์แม่พระฟาติมา พร้อมนำรถเมล์มาจอดห่างจากจุดรถแก๊สประมาณ 50 เมตร พร้อมเปิดฝาถังน้ำมันนำมาผ้ามายัดไว้ขู่จะจุดเผารถเมล์ ซึ่งอาจจะทำให้รถแก๊สที่อยู่ใกล้ได้รับความร้อนระเบิดได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไม่กล้าเคลื่อนเข้าไป แต่ได้พยายามเจรจาให้กลุ่มเสื้อแดงนำรถแก๊สออกไป เนื่องจากเกรงจะเป็นอันตรายกับชาวแฟลตที่อยู่อาศัย แต่กลุ่มเสื้อแดงไม่ปฏิบัติตาม
ขณะที่นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ แจ้งชาวแฟลตดินแดง ประมาณ 150 ครอบครัว ที่อยู่ใกล้จุดจอดรถแก๊ส ให้ออกจากที่พักไปอยู่ในแฟลตหลังที่ห่างออกไป และที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ขณะเดียวมีประชาชนชาวแฟลตดินแดงนับร้อยคนแสดงความไม่พอใจส่งตัวแทนเจรจากับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงให้นำรถแก๊สออกไปจากพื้นที่ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ฟังเสียงขอร้องชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันว่ากำลังใช้จิตวิทยากดดันเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้ชาวบ้านกลับไปปลุกประชาชนชาวแฟลตรวมตัวออกมากดดันกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะหากเกิดไฟไหม้เสียหายจะไม่มีบ้านอยู่อาศัย
เวลา 14.00 น. หลังจากชาวแฟลตเริ่มโห่ไล่มากขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดจนเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับกลุ่มชาวแฟลต เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงไม่พอใจกลุ่มชาวแฟลตจะให้ขนย้ายรถแก๊สออกไป มีการขว้างปาสิ่งของ ขวดเบียร์ เศษไม้ เข้าใส่กันหน้าแฟลตและมีเสียงปืนดังขึ้น ประมาณ 5-6 นัด ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงต้องล่าถอยออกมา ท่ามกลางการตรึงกำลังของทหาร ก่อนจะมีการขอเจรจากันอีกครั้งระหว่างชาวแฟลตและกลุ่มเสื้อแดง ในที่สุดกลุ่มคนเสื้อแดงยอมย้ายรถแก๊สจากบริเวณดังกล่าว ไปจอดไว้ที่หน้าคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำรถแก๊สคันดังกล่าวออกไปอย่างปลอดภัย
ไฟท่วมเมือง - แนวร่วมมวลชนเสื้อแดง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลจุดไฟเผายางรถยนต์ควันโขมง สกัดการเข้าสลายการชุมนุมของกองกำลังทหาร พร้อมกับระบายแค้นด้วยการจุดไฟเผารถเมล์ตอบโต้ ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ระหว่างเกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นกลางเมืองหลวง เมื่อเย็นวันที่ 13 เมษายน |
ทหารยึดอนุสาวรีย์ชัยฯสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์อีกจุดที่ยังระอุต่อเนื่องเป็นบริเวณสะพานข้ามแยกดินแดง เวลา 11.35 น. เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกทหารผลักดันบางส่วน ถอยร่นไปที่บนสะพานข้ามแยกดินแดง พร้อมเอาถังแก๊สหุงต้มวางใส่ยางรถยนต์ ทิ้งไว้บนสะพาน และใช้รถเมล์ที่ราดน้ำมัน ปิดทางขึ้นสะพานและถนนด้านล่าง เพื่อสกัดกำลังทหารที่อยู่บนสะพาน พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกให้ทหารเข้ามาหายังจุดที่ตั้งถังแก๊ส จนเวลา 12.00 น. กลุ่มเสื้อแดงได้จุดไฟเผารถเมล์ทางขึ้นสะพาน ทหารจึงยิงปืนขู่หลายนัดพร้อมเดินหน้ารุกไล่ทำให้กลุ่มเสื้อแดงวิ่งหนีไปทางถนนราชปรารภ และหลบเข้าไปในซอยรางน้ำ ขณะที่ทหารได้ฉีดน้ำดับไฟที่กำลังไหม้รถเมล์ไว้ได้
แต่ขณะนั้นเอง มีกลุ่มคนเสื้อแดงขับรถเมล์ขึ้นมาพยายามจะชนทหาร ทหารจึงยิงปืนสกัดทำให้รถเมล์พุ่งชนกับราวสะพานหวินตกลงมาทางด้านล่าง จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่ถอยพยายามขว้างปาสิ่งของต่างๆ เข้าใส่ทหารตลอด ทหารจึงยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ให้ถอยห่างไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯพร้อมกันเตือนให้ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงหลบเข้าที่ปลอดภัย
ขณะที่ทหารเดินมุ่งหน้าพยายามผลักดันให้ม็อบเสื้อแดงจากดินแดงถอยไปยังอนุสาวรีย์ฯนั้น ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นตรงสวนสาธารณะใกล้กับอนุสาวรีย์ มีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มเสื้อแดงยึดพื้นที่อยู่ ก่อนจะถอยหนีและนำรถโดยสารประจำทางมาปิดบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลราชวิถีและขยับปิดถนนพหลโยธินถึงหน้าปั้ม ปตท. หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ขณะที่ทหารใช้วิธียิงปืนขึ้นฟ้าขู่และเคาะโล่เดินหน้าเข้าหากลุ่มเสื้อแดงอย่างต่อเนื่องจนถอยไปรวมกับกลุ่มเสื่อแดงที่ทำเนียบ ทหารจึงสามารถยึดสะพานลอยทุกด้านของอนุสาวรีย์ฯไว้ได้หมด
ขณะเดียวกันสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ประกาศปิดประตูทางเข้า-ออกประตูใหญ่ โดยให้ใช้ประตูเข้า-ออกเล็กเพียงประตูเดียวแทน เนื่องจากเกรงว่าผู้โดยสารจะไม่ได้รับความปลอดภัย หลังมีการสลายการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
ใช้รถเมล์ชนสกัดชิงแยกราชปรารภ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกจุดบริเวณแยกราชปรารภที่มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจนเวลา 13.00 น. หลังจากกลุ่มเสื้อแดงถูกสลายจากแยกสามเหลี่ยมดินแดนมารวมตัวจับกลุ่มกันบริเวณแยกราชปรารภ โดยมีกำลังทหารเดินหน้าผลักดันอย่างไม่ลดละ ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้รถประจำทาง ถ่วงก้อนหินไว้ที่คันเร่ง วิ่งพุ่งเข้าชนทหารที่ควบคุมสถานการณ์ แต่โชคดีรถเกิดเสียหลักพุ่งชนทางเท้าแล้วไถลไปชนเสาไฟฟ้าแรงสูงทำให้เสาไฟหักเกิดเพลิงไหม้ และรถยังแฉลบไปในโรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค ถูกประตูทางเข้า-ออกของโรงแรมเสียหายไม่มาก ขณะนี้ทหารขยับควบคุมพื้นที่จนกลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นไปอีกประมาณ 2-3 กม.
แต่กลุ่มเสื้อแดงยังไม่ยอมถอยง่ายๆ รุกกลับอีกโดยนำรถเมล์มาจอด นำยางรถยนต์ เศษไม้มาเผา กลุ่มเสื้อแดงบางคนนำน้ำมันบรรจุขวดแก้วจุดไฟขว้างใส่รถ ปอ.73 เจ้าหน้าที่จึงใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำดับ ทหารจึงนำรถเมล์สาย 59 มาจอดขวางถนนปากซอยราชปรารภ 16 หรือซอยหมอเหล็งเพื่อเป็นแนวป้องกัน แต่ขณะกำลังจอดรถขวางอยู่นั้น มีกลุ่มเสื้อแดงขับรถเมล์สีน้ำเงิน สาย 99 วิ่งระหว่าง ม.ราม-บางกะปิ เข้ามาพุ่งชนรถเมล์สาย 59 ที่ทหารนำมาเป็นแนวกั้นอย่างแรงทำให้รถเหวี่ยงกลับหัวขึ้นฟุตบปาธจนจอดแน่นิ่ง ขณะที่รถสาย 99 ชนเสาไฟฟ้าจนไฟดับไปทั่ว ก่อนที่กลุ่มเสื้อแดงจะจุดไฟเผา เจ้าหน้าที่จึงใช้น้ำดับเพลิงและมีการปะทะกันเป็นระยะ
ต่อมากลุ่มเสื้อแดงได้ใช้รถเมล์ 5 คัน ขับมาขวางทำให้ทหารตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้า และเข้าสลายการชุมนุมจนผลักดันกลุ่มเสื้อแดงกลับออกไปจากบริเวณสี่แยกราชปรารภได้ หลังเกิดเหตุพบว่ามีรถเมล์ 2 คัน พุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูง จนล้มลง และมีรถเมล์อีก 3 คัน ถูกเผา
ชาวบ้านนางเลิ้งลุยเสื้อแดงเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงถอยมาปิดบริเวณชุมชนนางเลิ้ง พร้อมนำรถยูโร สาย 511 ปากน้ำ-สนามหลวง มาจอดขวางถนนสวรรคโลก และเตรียมจะเผารถเมล์ แต่ชาวบ้านเกือบ 200 คน รวมตัวกันขับไล่และช่วยกันเข็นรถเมล์ออกไปไว้ใกล้ๆ แยกผ่านฟ้า เกิดการประจันหน้ากัน โดยกลุ่มเสื้อแดงขว้างระเบิดเพลิงใส่ชาวบ้าน ส่วนชาวบ้านก็ขว้างประทัดยักษ์และยิงปืนใส่กลุ่มคนเสื้อแดง
ต่อมา พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.นางเลิ้ง นำกำลังตำรวจ 20 นาย มาคุมสถานการณ์ มีการไกล่เกลี่ยกับตัวแทนชุมชนนางเลิ้งว่าทหารกำลังเข้ามาเคลียร์พื้นที่ให้ ขณะที่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงกลับที่ตั้งของตัวเอง เหตุการณ์จึงสงบลง แต่ชาวบ้านก็ยังยืนคุมคนเสื้อแดงที่มาตั้งด่านห่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงประมาณ 400 คน พร้อมรถแท็กซี่ประมาณ 50 คัน มาปิดกั้นถนนลาดพร้าว หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ลาดพร้าว เพื่อมิให้รถยนต์ผ่าน โดยยอมเปิดช่องจราจรให้ผ่าน (ขาออก) ได้เพียง 1 ช่องทาง ส่วนทางลาดพร้าวขาเข้าปิดมิให้รถผ่าน
สลายแยกศรีอยุธยาด่านสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดสำคัญอีกจุดบริเวณแยกศรีอยุธยา ถนนพระราม 6 ตัดถนนศรีอยุธยา กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน ปิดถนนทั้งสี่แยกและจัดกำลังกระจายตามจุดทั้งสี่แยกพร้อมกับนำรถโดยสารประจำทาง 5 คัน ปิดกั้นทั้งสี่แยกเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ทหารนำรถถังหรือรถหุ้มเกราะเข้ามาสลายการชุมนุมที่เวทีใหญ่สะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้เผายางรถยนต์บริเวณถนนพระราม 6 หัวมุมกระทรวงการต่างประเทศ และถนนศรีอยุธยา หัวมุมสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.)กรุงเทพมหานคร และพยายามจะปีนเข้ามาภายใน สปภ.เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่นำรถฉีดน้ำมาเสริมการปิดกั้นบริเวณสี่แยก แต่ทางเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ
ต่อมาเวลา 15.40 น. กำลังทหารกว่า 100 นาย ใช้อาวุปืนยิงขึ้นฟ้าเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงแยกศรีอยุธยา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมล่าถอยไปรวมตัวกับกลุ่มบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
แดงทุบตู้เอทีเอ็ม-เผาอาคารศธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วลา 16.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง 200 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ มีรถบรรทุกเครื่องเสียงพร้อมแกนนำ ที่มาถอยจากบริเวณแยกถนนราชปรารภตัดถนนศรีอยุธยา มาตามถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อถึงบริเวณปากซอยเพชรบุรี 7 กลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งกรูเข้าไปทุบกระจกรถและตัวรถเก๋ง ฮอนด้า ทะเบียน ฉง 9544 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นภายในซอยเพชรบุรี 7 ประมาณ 70 คน ทราบเรื่องกรูวิ่งออกมาใช้อาวุธไม้ ปืน ต่อสู้ป้องกันตัว ทาง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 สั่งการให้เพิ่มกำลัง โดยฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดงบาดเจ็บ 1 ราย
หลังเกิดเหตุตรวจสอบพบกลุ่มคนเสื้อแดงทุบตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สาขาอุรุพงษ์ จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่ลดละเผารถโดยสารประจำทางบริเวณสะพานข้ามแยกยมราช และเผารางรถไฟ และทำร้ายประชาชนตรงจุดดังกล่าว ก่อนที่จะถอยไปรวมตัวที่ทำเนียบรัฐบาล
เวลา 17.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเดี่ยวขึ้นไปจี้บังคับรถโดยสารประจำทางบนถนนราชดำเนิน ขับมุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อฝ่าด่านกำลังของทหารที่ตั้งอยู่หน้ากองทัพภาคที่ 1 แต่ถูกสารวัตรทหารเข้าควบคุมสถานการณ์และจับกุมชายคนดังกล่าวไว้ได้
เวลา 17.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ด้านริมคลองผดุงกรุงเกษม รถดับเพลิง สปภ.รุดไปฉีดน้ำสกัดเพลิง 3 คัน แต่ไม่สามารถนำน้ำเข้าไปฉีดภายในตัวอาคารได้ เนื่องจากกลุ่มคนเสื้อแดงยืนขวางทาง และนำรถโดยสารปรับอากาศมาจอดสกัดไม่ให้นำรถน้ำเข้าไป จนเวลาผ่านไป 30 นาที เจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวอาคาร แต่ไม่สามารถใช้น้ำฉีดได้ เนื่องจากถูกกลุ่มคนเสื้อแดงขู่จะยึดรถหากฉีดน้ำสกัดเพลิง สอบสวนทราบว่า พยานละแวกที่เกิดเหตุสังเกตเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงขว้างปาสิ่งของเข้าไปในอาคาร หลังถูกกองกำลังทหารพยามกดดันจากถนนราชดำเนิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 18.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดง เข้ายึดรถดับเพลิงของ กทม. 2 คัน แล้วขับมาประจันหน้ากับทหารและตำรวจบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลมิชชั่น โดยทหารและตำรวจนำรถฮัมวี่พร้อมเครื่องขยายเสียงแจ้งให้กลุ่มคนเสื้อแดงกลับไปเรียกร้องประชาธิปไตยที่หน้าทำเนียบรัฐบาล สัญญาว่าจะไม่รุกเข้าไปที่บริเวณดังกล่าว ระหว่างที่ทหารประกาศก็มีเสียงชาวบ้านกว่า 1,000 คน ที่รวมตัวกันส่งเสียงให้กำลังใจกลุ่มทหารและตำรวจ และได้โห่ไล่กลุ่มเสื้อแดงเป็นระยะ
รุมจับ - ทหารเข้าจับกุมตัวแนวร่วมคนเสื้อแดง กลุ่มต่อต้านรัฐบาล ขณะยกกำลังเข้าสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อีกจุดหนึ่งที่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 13 เมษายน โดยได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย |
แกนนำปลุกรับมือสลายทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคนเสื้อแดงหลายพันคนยังคงปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง และเมื่อทราบเหตุสลายการชุมนุมที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ช่วงเวลา 05.00 น. แกนนำกลุ่มเสื้อแดง อาทิ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลที่ใช้มาตรการรุนแรงสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
นายจตุพรยังประกาศและปลุกให้การ์ดและกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่ยังรวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าทำเนียบตื่นขึ้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์การสลายการชุมนุมด้วย
เวลา 11.30 น. นพ.เหวงขึ้นเวทีปราศรัยอีกครั้ง ให้ทหารถอนกำลังออกไปภายใน 3 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นจะไม่รับผิดชอบการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุม และยังระบุว่าหากมีรถยีเอ็มซีนำกำลังทหารเข้ามา หรือมีทหารเข้ามาบริเวณที่ชุมนุม ให้กลุ่มคนเสื้อแดงขับรถชนได้เลย เพราะมีความผิดแค่กฎหมายจราจรเท่านั้น นอกจากนี้ แกนนำเสื้อแดงบางคนยังขึ้นเวทีปราศรัยว่าเหตุการณ์ที่ดินแดงมีผู้เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บ 69 คน จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้ยึดรถเมล์ไปปิดถนนหลายเส้นทาง เช่น แยกสะพานผ่านฟ้าไปจนถึงถนนราชดำเนินนอก แยก จ.ป.ร. และนำรถสุขามากั้นไว้ตรงแยกมิสกวัน โดยมีรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ชุมนุมขับตรวจการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่รถตระเวนข่าวของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ถูกเจาะยางทั้ง 4 ล้อ ขณะจอดใกล้กับวัดโสมนัสฯ
เสื้อแดงปาระเบิดเพลิงใส่บก.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานเวลา 17.00 น. ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) มีกลุ่มพระสงฆ์ประมาณ 30 รูป เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้ยุติการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มเสื้อแดงที่บริเวณประตูทางเข้า ขณะที่สื่อมวลชนกำลังบันทึกภาพอยู่นั้น ได้มีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินมาหน้า บก.ทบ.ปาระเบิดเพลิงหลายลูกเข้ามาเกิดไฟลุกไหม้ ทหารรีบนำรถน้ำมาฉีดดับเพลิงไว้ได้
ขณะเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงใช้ค้อนทุบรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ 509 ที่นำมาจอดปิดขวางด้านนอก บก.ทบ. เมื่อสื่อมวลชนถ่ายรูป กลุ่มเสื้อแดงไม่พอใจระดมขว้างปาก้อนหินและปาระเบิดเพลิงเข้าใส่จนต้องวิ่งหนีกันกระเจิง และเมื่อทหารตั้งแถวเตรียมพร้อม กลุ่มเสื้อแดงนำรถเมล์ที่ยึดมา 5 คัน มาจอดขวางบริเวณสี่แยก จปร. พร้อมจุดไฟเผา และกลุ่มเสื้อแดงได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้า ทหารภายใน บก.ทบ.กว่า 30 กว่านาย จึงยิงลูกกระสุนซ้อมตอบโต้จนกลุ่มเสื้อแดงล่าถอยออกไป
จากนั้น มีกลุ่มประชาชนชุมชนบริเวณวัดโสมนัสจำนวนหนึ่งไม่พอใจกลุ่มเสื้อแดง ออกมารวมตัวกันและใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มคนเสื้อแดงจนถอยกลับไปยังบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ท่ามกลางเสียงปืนดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ ขณะที่ทหารประกาศให้ประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องกลับเข้าไปภายในอาคารหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย เหตุการณ์จึงสงบลง
ทหารรุกคืบยึดพื้นที่คืนหลายจุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 18.00 น. กำลังทหารหลายร้อยนายพร้อมอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเข้าเคลียร์พื้นที่หลายจุด อาทิ ถนนราชดำเนินนอก ถนนพิษณุโลกหน้าโรงพยาบาลมิชชั่น ถนนข้างคลองผดุงกรุงเกษมสหประชาชาติ สะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นต้น ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงจุดไฟเผารถเมล์ขวางไว้ที่หน้าสหประชาชาติ แต่ไม่สามารถต้านทานทหารได้ จึงไปรวมตัวที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
น.ส.ประไพ บาระฮีม อายุ 45 ปี ตัวแทนประธานชุมชนโค้งรถไฟยมราช กล่าวว่า การกระทำของคนเสื้อแดงเหมือนอันธพาล ทำลายทรัพย์สินของรัฐบาล เผาเมือง และมัสยิดเสียหาย ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือนเห็นว่าต้องออกมาต้าน
"ทีแรกคนในชุมชนก็คิดว่าคนเสื้อแดงถูกย่ำยีจากคนรวย แต่การกระทำในวันนี้ของพวกเขาได้บ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา พวกเราทุกคนในชุมชนจะไม่ยอมงอมืองอเท้าให้เขารังแกอีกต่อไป และตลอดทั้งคืนนี้ก็จะมีการจัดเวรยาม เฝ้าระวังกันเองด้วย" น.ส.ประไพกล่าว
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า แจ้งความตำรวจแล้ว เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากลุ่มเสื้อแดงที่เผารถเมล์ รวมทั้งได้ประสานกับทางทหารเพื่อประเมินตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้น
"อ๋อย-สุธรรม"โผล่เวทีเสื้อแดง
ขณะเดียวกันบนเวทีกลุ่มเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.เหวง โตจิราการ ขึ้นกล่าวกับคนเสื้อแดงว่า ให้ไปสกัดกั้นทหารไว้ทุกจุด จุดหนึ่งประมาณ 1,000 คน แล้วเอารถเมล์ไปขวางทหารให้ห่างจากตัวผู้ชุมนุม 800 เมตร และหากยันทหารไว้ได้ 48 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ก็จะลาออกแน่นอน และให้กลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดใช้กำลัง 2,000 คน ล้อมศาลากลางจังหวัด
ก่อนหนานี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ไปเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง และปราศรัยกับผู้ชุมนุมเป็นครั้งแรก โดยระบุว่า ที่ต้องมาขึ้นเวทีในวันนี้ เพราะรัฐบาลไม่มีทีท่าจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งชุมนุมกันอย่างสันติ ส่วนที่กระจายไปตามที่ต่างๆ ควบคุมกันไม่ได้ แกนนำทุกคนที่นี่ก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ต่อมานายสุธรรม แสงประทุม อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับคนเสื้อแแดง เป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
"โฆษกรบ."แจงสื่อนอกใช้ฉุกเฉิน
ก่อนหน้านี้ เวลา 12.30 น.นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่างชาติถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขต กทม.และปริมณฑลว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน และสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรี สธ.ได้ประชุมคณะกรรมการวอร์รูม จะยึดที่ 3 หลักการใหญ่คือ ให้การดูแลผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างดีที่สุด โดยไม่แบ่งแยกฝ่ายและดีที่สุด การดูแลเยียวยาด้านจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบและความพร้อมของหน่วยแพทย์พยาบาล ทั้งทีมฉุกเฉินและทีมให้การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ เมื่อมีผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ประชาชนสามารถโทรแจ้งได้ที่หมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
แจงใช้ลูกกระสุนซ้อม-ยันไม่มีตาย
เวลา 16.15 น. นายปณิธาน พร้อมด้วย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว นายปณิธานกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายใน 4 เรื่อง คือ 1.สามารถแก้ไขปัญหาการจราจร ในเส้นทางศรีอยุธยา-แยกพญาไท และแยกพญาไท-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สามารถเปิดเส้นทางจราจรกลับคืนปกติแล้ว 2.แก้ไขเรื่องรถบรรทุกก๊าซ ยังอยู่ระหว่างการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้ และควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว 3.การทำงานของ กอฉ.ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีหน้าที่ปกป้องดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้มีถิ่นพำนักในไทยและให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง 4.ต้องรักษาชีวิตประชาชนด้วยความปลอดภัย และ 5.กรณีถูกจับกุม ต้องดำเนินการด้วยความชอบธรรม เป็นธรรม โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้ดูแล
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า การใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่เป็นการขู่ยิงปืนขึ้นฟ้าเท่านั้น ส่วนการยิงตอบโต้ผู้ชุมนุมเป็นปืนซ้อมรบ โดยลูกกระสุนทำด้วยกระดาษ เป็นกระสุนแบลงค์ทำให้เกิดเสียงดัง แต่ไม่เป็นอันตราย เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้เจ้าหน้าที่และทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปได้ง่าย และไม่ก่อให้เกิดความสูญเสีย ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงสร้างกระแสข่าวว่าทหารยิงกลุ่มผู้ชุมนุมเสียชีวิต จากการตรวจสอบไปยังศูนย์นเรนทร ไม่พบว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิตในระหว่างทหารปฏิบัติภารกิจที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและย่านอนุสาวรีย์ฯ
กอฉ.ขอตรวจค้นอาวุธคนกลับกรุง
เวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.กอฉ.) เแถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการ กอฉ. ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า จะปฏิบัติตามกฎหมายในขอบเขต ด้วยเจตนารมณ์คือจะไม่ใช้อาวุธเข้าทำร้ายประชาชน แต่ขอสงวนสิทธิที่จะใช้อาวุธป้องกันตัวเอง และรักษากฎระเบียบข้อบังคับของประเทศรวมถึงสิทธิของประชาชนโดยทั่วไป ให้ได้ใช้สิทธิของประชาชนชาวไทยอย่างเกิดความเป็นธรรม ส่วนการเดินทางกลับจากภูมิลำเนาของประชาชนหลังเทศกาลสงกรานต์นั้น อยากให้ประชาชนทยอยกลับเข้ามาในกรุงเทพน กอฉ.จะไม่กำหนดหรือจำกัด เพื่อรักษาสิทธิ แต่มีความจำเป็นต้องตรวจตรา ตรวจสอบว่า มีการเคลื่อนย้ายอาวุธหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อประชาชนโดยรวมหรือไม่ คงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และดูแลการเดินทาง (อ่านรายละเอียดหน้า 2)
มาร์คถกผบ.เหล่าทัพใช้50กองพัน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลและกองทัพในการรับมือกับสถานการณ์การชุมนุมนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.พัชววาท ยังคงมีหารือถึงการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.)
สำหรับกำลังทหารที่ใช้ในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ได้ใช้กำลังเคลื่อนย้ายมาจาก