คมชัดลึก :บทวิเคราะห์ AFP วิกฤติการเมืองไทย ถูกซ้ำเติมด้วยความแตกแยกที่ร้าวลึก
(13เม.ย.) สำนักข่าว AFP วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในไทยว่าหลายปีแห่งวิกฤติในประเทศไทย ซึ่งเพิ่งเกิดความรุนแรงล่าสุดประทุขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ ถูกซ้ำเติมด้วยความแตกแยกร้าวลึกในชาติ ที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะเยียวยาได้ด้วยการใช้กำลังทหารเข้าสลายในปัจจุบัน วิกฤตการเมืองของไทย กลายเป็นรหัสการต่อสู้ของสี ระหว่างพวกเสื้อแดง ที่ภักดีต่อพันตำรวจโททักษิญ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเสื้อเหลือง ที่ชวยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่า ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ต่างก็ใช้การชุมนุมประท้วง,กีดขวางและเรียกร้องการสนับสนุนจากกองทัพ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ในประเทศ ที่อำนาจถูกเปลี่ยนมือจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ขณะที่ศูนย์กลางความแตกแยกครั้งนี้คือ"ทักษิณ"มหาเศรษฐีผู้เป็นที่รักของคนยากจนและชาวชนบท และยังมีอิทธิพลอยู่แม้ว่าจะหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในข้อหาคอรัปชั่น
ทักษิณ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารมาสู่การเมืองไทยที่ล้าสมัย เมื่อเขาได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ เมื่อปี 2544 และมีฐานอยู่ทางภาคเหนือ และยังเป็นตัวแทนของพวกเสื้อแดงที่เพิ่งจะปะทะกับทหารไปสด ๆ ร้อน ๆ ในกรุงเทพฯ วันนี้
ความขัดแย้งที่ร้าวลึกครั้งนี้มีพื้นฐานมาจากฐานะ , ชนชั้น, สภาพทางภูมิศาสตร์ ที่สร้างความวิตกว่าอาจจะนำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมือง
นักวิเคราะห์การเมืองคนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า ต่างฝ่ายต่างผลักดันกันให้จนมุม ทุกอย่างล้วนเป็นเดิมพัน และต่างก็ยอมแพ้ไม่ได้ พวกเสื้อแดงที่มาจากต่างจังหวัดและมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวง เป็นตัวแทนของการปฏิวัติการเมือง ที่จะไม่ถูกปราบปรามโดยทหาร
นักวิเคราะห์คนเดิม กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประชาชนตามชนบท ต่างก็มีหน้าที่ในการสั่งสอนลูกหลานและไม่เคยเข้าร่วมกับการชุมนุมทางการเมืองมาก่อน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดพลิกฝ่ามือ ที่แม้จะคิดว่าอาจจะสามารถแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในกรุงเทพฯในขณะนี้ได้แต่โครงสร้างการเมืองที่เข้มข้น กำลังอุบัติขึ้น และที่สำคัญคือ พวกเสื้อแดงจะไม่ยอมถอย
นักวิเคราะห์ มองว่า ชะตากรรมของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ไม่ได้มีความสำคัญไปกว่าความจำเป็นในการแก้ปัญหาระยะยาว เพื่อฟื้นคืนสันติภาพให้หวนคืนกลับมาอีกครั้งสำหรับประชาชนทุกคนเพราะถ้าทำไม่ได้ นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ จะยิ่งหวาดกลัวขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบ
หนักต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่กำลังรับมือกับภาวะถดถอย