คมชัดลึก :โฆษกกลาโหมเชื่อรัฐบาลประกาศพรก.ฉุกเฉินไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะเจ้าหน้าที่สับสนขาดรายละเอียดในแผนการปฏิบัติ เชื่อถึงที่สุดแล้วต้องมีคนเสียสละตำแหน่ง สื่อต่างชาติเกาะติดสถานการณ์การเมืองไทย ตีข่าว รัฐบาลประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ใน กทม.และปริมณฑล ศูนย์นเรนทรนำตัวรปภ.นายกฯรักษาพยาบาล เสื้อแดงลำพูนยึดเครื่องกั้นรถไฟแยกดอยติทำเที่ยวเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ถูกตัดขาด
พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงว่า การประกาศครั้งนี้ คล้ายกับที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่จ.ชลบุรี เพียงแต่เปลี่ยนแปลงพื้นที่เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่าแนวทางของกองทัพ จะรองรับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯจะสามารถยุติเหตุการณ์ได้หรือไม่ พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่าในความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่า ไม่น่าจะยุติอะไรได้เพราะเท่าที่ดูในระดับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อาจจะค่อนข้างสับสน เนื่องจากไม่แน่ใจในการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่ประกาศที่จ.ชลบุรีแล้ว เจ้าหน้าที่สับสนไม่มีความมั่นใจว่า อำนาจหน้าที่มีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร
เมื่อถามว่าเกี่ยวกับกฎหมายที่รองรับการปฏิบัติด้วยหรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยมีบทเรียนเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ทีผ่านมา พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่า ก็ทำนองนั้น ถ้าบอกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องพิจารณาระดับในการปฏิบัติ เพราะเมื่อรัฐบาลบอกว่าจะปฏิบัติอย่างนุ่มนวลก็ไม่สามารถทำอะไรได้ซึ่งก็เห็นๆกันอยู่ ยุทธวิธีการในการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมก็เหมือนเดิมไม่สามารถทำอะไรได้
“รัฐบาลต้องมีมาตรการเป็นขั้นเป็นตอนว่า จากเบาไปหาหนักในระดับของความรุนแรงเท่าที่ทำได้ขณะนี้ก็แค่นี้ มันไม่สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติ ซึ่งผมมองว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเพียงภาพกว้างๆไม่มีรายละเอียดในการปฏิบัติ ซึ่งจำเป็นต้องกำหนดมาตรการออกมา ทั้งนี้สังเกตได้จากนายทหารระดับผู้ใหญ่เกิดความอึดอัดเพียงแต่ไม่พูดเท่านั้นเอง”พ.อ.จิตตสักก์ กล่าว
พ.อ.จิตสักก์ กล่าวอีกว่าดูจากการที่มีการนำรถสายพานลำเลียงพลออกมาจากหน่วยของกองพันทหารม้าที่ 1 กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ วิ่งไปที่ย่านศูนย์การค้าพารากอน ถามว่าเป็นการสับสนในคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเพราะรายละเอียดยังไม่รู้เรื่องกันเลย ซึ่งการนำรถเกราะออกลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องนำออกไปเพราะไม่มีทหารคุ้มกันไม่เกิดประโยชน์อะไร จะเอาออกไปให้ถูกตีหัวหรือเผาเล่นหรืออย่างไร อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมีคนที่เสียสละตำแหน่งเพื่อเห็นแก่ชาติบ้านเมือง เพราะการปฏิบัติอื่นๆดูแล้วไม่มีผลอะไร
เสื้อแดงลำพูนยึดเครื่องกั้นรถไฟแยกดอยติทำเที่ยวเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ถูกตัดขาด
นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า กลุ่มเสื้อแดงยังคงปักหลักชุมนุมยึดถนนซุปเปอร์โฮเวย์ลำพูน-เชียงใหม่ ทั้งขาเข้า-ออก ไม่เปิดทางจราจรให้ประชาชนทั่วไปสามารถสัญจรไปมาได้ โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้ชุมนุมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ซึ่งเบื้องต้นตนเองก็ได้พยายามเจรจาขอร้องให้เปิดทางจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนแต่ก็ไม่เป็นผลกลุ่มเสื้อแดงยังยืนยันที่จะปักหลักชุมนุมและมีเงื่อนไงข้อเรียกร้องตามกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
"ผมคาดว่าสถานการณ์ชุมนุมยืดเยื้อ เจรจาอย่างไรก็ไม่เป็นผล ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามา จึงเป็นการตอกย้ำให้สถานการณ์ยืดเยื้อ" นายดิเรก กล่าว
ขณะเดียวเจ้าหน้าที่จากสถานีรถไฟจังหวัดลำพูน กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงที่ปิดถนนบริเวณแยกดอยติ ตั้งแต่เวลา 17.50 น. ได้นำกำลังเข้าล้อมปิดกั้นเครื่องกั้นรถไฟบริเวณแยกดอยติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟทั้งขาเข้า-ออก ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้โดยสารที่สถานีรถไฟหนองหล่ม จ.ลำพูน ขบวนที่ 51 ตกค้างอยู่ที่สถานี นอกจากนี้ รถไฟเที่ยวเชียงใหม่-กรุงเทพ รถด่วนนครพิงค์ ขบวนที่ 2 ตกค้างที่จ.เชียงใหม่ เช่นกันฃ
ศูนย์นเรนทรนำตัวรปภ.นายกฯรักษาพยาบาล
เมื่อเวลา 18.45 น.ตร.สน.ดุสิตสี่นายได้นำพ.ต.ปกรณ์ สมพานต์ รปภ.นายกฯที่ถูกควบคุมในรถตู้หลังเวทีได้ถูกตัวขึ้นรถตู้ศูนย์นเรนทรธรเพื่อไปรักษาพยาบาลแต่ไม่ทราบว่าไปรพ.ไหน ขณะที่แพทย์ของศูนย์เนเรนทรธร เปิดเผยว่าพ.ต.ปกรณ์ได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลขนาดใหญ่เป็นศรีษะและคิ้วขวาต้องรีบไปรพ.เพื่อเย็บแผลแต่ไม่สามารถระบุว่าแผลเกิดจากอะไร
สื่อต่างชาติเกาะติดสถานการณ์การเมืองไทย
เว็บไซต์สื่อต่างชาติหลายสำนัก อาทิ รอยเตอร์ บีบีซี และ เทเลกราฟ ของอังกฤษ , ซีเอ็นเอ็น และ ลอสแองเจลิสไทมส์ ของ สหรัฐ, นิวสเตรทส์ไทส์ม ของ สิงคโปร์, อัลจาซีรา ของ กาตาร์, ซินหัว ของ จีน, ฟิลิปปินส์สตาร์ ของ ฟิลิปปินส์, ออสเตรเลียเน็ตเวิร์กนิวส์ ของออสเตรเลีย รายงานสถานการณ์นายกรัฐมนตรีไทย อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงใน กทม.และ ปริมณฑลเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หลังจากมีการจับกุม นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มผู้ประท้วง ที่ขัดขวางการประชุมอาเซียนที่พัทยา และทันที่ที่เสร็จสิ้นการประกาศของนายกรัฐมนตรี กลุ่มเสื้อแดงได้บุกไปกระทรวงมหาดไทย มีการขว้างปารถของนายกรัฐมนตรี
ด้านสำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว นับตั้งแต่มีการประกาศครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนปี 2551 เมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดล้อมสถานที่สำคัญหลายแห่งและทำเนียบรัฐบาล