กรุงเทพธุรกิจ
30 กรกฎาคม 2549 15:30 น.
เอแบคโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนร้อยละ 84.3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 15 ต.ค. และมีถึงร้อยละ 29.2 จะกาช่องไม่ลงคะแนน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เอแบคโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนร้อยละ 84.3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 15 ต.ค. และมีถึงร้อยละ 29.2 จะกาช่องไม่ลงคะแนน พบปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกแยกของคนในสังคม ลดทอนความนิยมของรัฐบาลเป็นอันดับแรก
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบคโพลล์ เปิดเผยผลการสำรวจเพื่อการหยั่งเสียงสาธารณชนเบื้องต้นว่าด้วยสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งว่า ได้ศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 33 จังหวัด ทุกภาคของประเทศ ทั้งในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาล จำนวนทั้งสิ้น 11,091 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนร้อยละ 53.9 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำอย่างน้อย 3 วันขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 27.1 ติดตาม 1 - 2 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 13.2 ติดตามน้อยกว่า 1 วัน ต่อสัปดาห์ หรือบางสัปดาห์ไม่ได้ติดตาม และร้อยละ 5.8 ที่ไม่ได้ติดตามเลย
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อเหตุการณ์ที่ลดทอนความนิยมต่อรัฐบาล พบว่า อันดับ 1 หรือร้อยละ 27.8 ระบุเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองและความแตกแยกของ คนในสังคม อันดับ 2 หรือร้อยละ 17.4 เป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสินค้าราคาสูงขึ้น ร้อยละ 15.1 ระบุเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 13.2 เป็นเรื่องปัญหาความสงสัยคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 7.2 ระบุเป็นเรื่องการไม่ระมัดระวังคำพูดของนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 6.4 เป็นเรื่องปัญหาด้านคุณธรรมของนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 5.7 เป็นเรื่องการไม่ได้ทำตามนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 5.2 ระบุเรื่องการกล่าวพาดพิงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเรื่องปัญหาการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม และร้อยละ 4.9 ระบุเป็นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
ผลงานของรัฐบาลที่ประชาชนให้ความนิยม อันดับ 1 ร้อยละ 33.3 ได้แก่ การแก้ปัญหายาเสพติด รองลงมาคือ ร้อยละ 30.3 การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ร้อยละ 21.1 ได้แก่ การแก้ปัญหาความยากจน ร้อยละ 12.8 เป็นผลงานที่รัฐบาลจัดงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร้อยละ 8.2 เป็นโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 5.6 ได้แก่ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ร้อยละ 4.2 ได้แก่ การเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และ 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ ผลงานด้านการศึกษา การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน และการส่งเสริมคุณภาพเยาวชนไทย ได้ร้อยละ 3.5 เท่ากัน
ความตั้งใจที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่าประชาชนจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง 37,946,238 คน คิดเป็นร้อยละ 84.3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ในจำนวนนี้ร้อยละ 29.2 ระบุจะกาช่องไม่ลงคะแนน ขณะที่ร้อยละ 70.8 ระบุจะเลือกพรรคการเมืองที่ชอบ นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่จะไม่ไปเลือกตั้งประมาณ 5 ล้านคน หรือร้อยละ 10.3 และไม่แน่ใจ 2.4 ล้านคน หรือร้อยละ 5.4 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลทำงานต่อไปยังมีถึงร้อยละ 48.7 หรือ 13,091,453 คน ขณะที่ร้อยละ 42.5 หรือ 11,421,818 คน สนับสนุนอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่มีอยู่ร้อยละ 8.8 หรือ 2,352,667 คน ที่สนับสนุนกลุ่มการเมืองอื่น ๆ
สำหรับเหตุผลที่ประชาชนใช้ในการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง ร้อยละ 56.8 ใช้ผลงานที่ผ่านมา เช่น ผลงานแก้ปัญหาให้ประชาชน และการตรวจสอบรัฐบาลเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนใช้ในการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง รองลงมาร้อยละ 50.9 ดูนโยบายว่ามีดี เป็นรูปธรรม ตรงความต้องการ ร้อยละ 47.2 ดูที่ตัวบุคคล เช่น ทำงานดี เข้าถึงชาวบ้าน ร้อยละ 28.5 ดูที่อนาคตหลังเลือกตั้งว่าจะวุ่นวายอีกหรือไม่ ความรักความสามัคคีของคนในชาติ และการยอมรับได้ของทุกฝ่าย ในขณะที่ร้อยละ 27.1 ตั้งใจจะกาช่องไม่ลงคะแนน เพราะยังไม่มีตัวเลือกที่ดี ยังไม่เห็นนโยบายชัดเจน และเลือกไปก็ทะเลาะกันอีก
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว