หลังจากที่ม็อบเสื้อแดงเบนเป้าหมายการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล โดยเคลื่อนกำลังส่วนหนึ่งจากทำเนียบรัฐบาลไปสมทบกับกลุ่มเสื้อแดงที่ จ.ชลบุรี เพื่อเพิ่มแรงกดดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ที่อยู่ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกคู่เจรจา ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ท พัทยา ทำให้เกิดการปะทะกับกลุ่มเสื้อน้ำเงินจนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้กลุ่มเสื้อแดงมีอารมณ์มากขึ้นแล้วบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟบีชฯ ทำเอาการประชุมสุดยอดอาเซียนต้องล้มลงไม่เป็นท่า ในที่สุดนายกฯก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่เมืองพัทยาและ จ.ชลบุรีนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. เวลา 16.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ระบุว่า
หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงบุกรุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนบวกคู่เจรจา จนสถานการณ์ลุกลามบานปลาย เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียทรัพย์สิน รัฐบาลจำเป็นต้องเข้าระงับความเสียหายโดยใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นขึ้นด้วยการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการฉุกเฉินที่ร้ายแรง ในพื้นที่เมืองพัทยาและ จ.ชลบุรี นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ผลพวงที่เกิดจากการกระทำดังกล่าวบัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ของประเทศ ซ้ำเติมต่อระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุนอย่างร้ายแรงจนประเมินค่ามิได้ ที่ผ่านมาทุกภาคฝ่ายในสังคมไทยปรารถนาจะเห็นความสงบสุขของบ้านเมืองได้ร่วมกันเรียกร้องต่อกลุ่มผู้ชุมนุมให้ยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม แต่กลับได้รับการตอบสนองที่ตรงข้ามด้วยการยกระดับการกดดันรัฐบาลด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเสียหาย หรือประชาชนผู้บริสุทธิ์จะได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างไร
ระบุแกนนำยังพยายามปลุกระดม
พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกสลดใจกับการกระทำที่มุ่งร้ายต่อส่วนรวมของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะแกนนำการชุมนุมและผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการแต่จะบรรลุเป้าหมายของตนเองโดยไม่สนใจสิ่งใด ขณะเดียวกัน จากการสดับรับรู้ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนทั่วไปแล้วพบว่า ล้วนแล้วแต่วิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ จึงขอแสดงความเห็นและท่าทีอีกครั้งหนึ่งดังนี้
1. แม้รัฐบาลจะพยายามจำกัดสถานการณ์ด้วยการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เฉพาะพื้นที่แล้ว แต่ยังเป็นห่วงว่ากลุ่มผู้เคลื่อนไหวที่จงใจละเมิดกฎหมาย ยังไม่ยุติการก่อเหตุร้ายให้ลุกลามบานปลาย จนอาจก่อให้เกิดภาวะสับสนจลาจลในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะใน กทม.และจังหวัดสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงปรารถนา
2. แกนนำผู้เคลื่อนไหว ยังแสดงพฤติกรรมยั่วยุละเมิดกฎหมาย พยายามปลุกระดมประชาชนในหลายพื้นที่ให้กระทำผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง จำเป็นที่รัฐบาลเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าระงับยับยั้ง ก่อนที่จะเกิดการปฏิบัติการที่ร้ายแรงดังคำข่มขู่
วอนชาวบ้านอย่าร่วมวงทำผิด ก.ม.
3. ขอเรียกร้องพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการใช้สิทธิเรียกร้อง ที่ไม่อยู่ภายใต้กติกาประชาธิปไตย และความสงบสุขของสังคมส่วนร่วม โดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบคลี่คลายปัญหา
4. ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ได้รับผลกระทบในทุกด้านจากการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ละเมิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ สูญเสียทรัพย์สิน ผู้ประสบความยากลำบากในการเดินทางหรือใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ประกอบการธุรกิจ นักลงทุน นักท่องเที่ยว พี่น้องชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยในประเทศไทยระหว่างเกิดสถานการณ์ไม่ปกติ ขอให้จงมั่นใจว่า รัฐบาลและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะดูแลแก้ไขเยียวยาผลกระทบเหล่านั้นเป็นอย่างดีต่อไป
5. พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการกระทำ ข้อเรียกร้องหรือข้อเสนอใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปกครอง หรือกติกาของบ้านเมือง ซึ่งไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข