นาจิบมองไทยควรเป็นประธานอาเซียนต่อ

คมชัดลึก :สื่อนอกประโคมข่าวไทยยกเลิกประชุมอาเซียนเพราะต้านเสื้อแดงไม่ได้ สร้างความอับอายให้ประเทศ มาเลย์ชี้ม็อบฉีกหน้า "อภิสิทธิ์" อัดรัฐบาลอ่อนแอ ไม่เตรียมการรับมือผู้ประท้วง เลขาฯ ยูเอ็นเสียใจเลื่อนประชุม นักข่าวชี้ไทยเลื่อนประชุมอาเซียนเสียผลประโยชน์-เสียภาพลักษณ์


หลังเกิดเหตุการณ์ผู้ประท้วงบุกเข้าไปถึงภายในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา จนต้องยกเลิกการประชุม และเลื่อนการประชุมออกไป ทำให้สื่อมวลชนชั้นนำจากทั่วโลกต่างพากันรายงานข่าวเรื่องนี้ โดยเว็บไซต์ข่าวบีบีซีของอังกฤษ ได้นำข่าวนี้ขึ้นเป็นประเด็นนำในหน้าแรกของเว็บไซต์ พร้อมภาพการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับกลุ่มต่อต้านเสื้อแดงที่เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของไทย

 บีบีซีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเลื่อนการประชุมออกไปหลังกลุ่มผู้ประท้วงบุกถึงโรงแรม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะเดินหน้าการประชุมนี้ต่อไป เพื่อให้ผู้นำประเทศต่างๆ ได้หารือกันเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจโลกและประเด็นต่างๆ พร้อมรายงานเรื่องการปะทะกันระหว่างกลุ่มเสื้อน้ำเงินและกลุ่มเสื้อแดง โดยระบุว่ากลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลมีอาวุธเป็นไม้ ขวด และมีผู้ประท้วงบางคนแกว่งไม้ไปมา และอีกอย่างน้อย 1 คนมีมีด นอกจากนี้ยังรายงานเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดงกล่าวหารัฐบาลว่าเป็นหุ่นเชิดของกองทัพ และเรียกร้องให้ลาออกพร้อมจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่

 ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี และดีพีเอ รายงานคล้ายกันว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลได้ขัดขวางการประชุมสุดยอดของเหล่าผู้นำเอเชีย ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมออกไป พร้อมรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะกัน 3 คน และอยู่ห่างจากโรงแรมเพียง 2 กิโลเมตร

 ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีรถแท็กซี่ของพวกเสื้อแดงประมาณ 100 คัน เข้าขวางถนนบริเวณสี่แยกใหญ่นอกโรงแรม ที่รัฐมนตรีจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีกำหนดจะใช้เป็นเส้นทางในการเดินทางมาประชุมอาเซียน ทำให้รถยนต์ของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่จัดการประชุมได้ ทั้งที่มีกำหนดการหารือในประเด็นการทดสอบยิงจรวดของเกาหลีเหนือเมื่อไม่นานมานี้ และประเด็นเศรษฐกิจ ทำให้ผู้แทนการเจรจาต้องยกเลิกการประชุม หลังจากที่ต้องรอนานนับชั่วโมง

บีบีซีเผยม็อบทำรัฐบาลอับอาย

 ผู้สื่อข่าวบีบีซีกล่าวว่า ไทยใช้เวลาในการเตรียมการประชุมอาเซียนครั้งนี้นานหลายเดือน แต่ระบบการรักษาความปลอดภัยมีอันต้องพังลง หลังผู้คนนับพันฝ่าแนวล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยังสถานที่จัดการประชุมได้ และว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำความอับอายให้รัฐบาล และก่อให้เกิดคำถามตามมา ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนระบุว่า การประชุมอาเซียนครั้งนี้ถูกยกเลิกด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

 ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานแพร่ภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายที่กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงแรมสถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา จนทำให้รัฐบาลไทยต้องประกาศเลื่อนการประชุมอาเซียนบวก 3 คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ออกไป พร้อมทั้งรายงานด้วยว่า กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ลาออกจากตำแหน่ง

 ส่วนเว็บไซต์อัลจาซีรา รายงานเป็นข่าวนำเช่นกันว่า เหตุประท้วงทำให้การประชุมอาเซียนล่ม ผู้นำอาเซียนบางคนเดินทางออกจากพัทยาโดยเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้สำนักข่าวต่างๆ ยังเผยแพร่ภาพนิ่งและวิดีโอเหตุการณ์การประท้วงครั้งนี้

สื่อมาเลย์ชี้ม็อบฉีกหน้าอภิสิทธิ์

 เว็บไซต์เดอะ สตาร์ ออนไลน์ ของมาเลเซีย มีบทวิจารณ์ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เผชิญกับเรื่องขายหน้าในบ้านตัวเองอีกครั้ง หลังกลุ่มม็อบเสื้อแดงที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร สามารถบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ที่ใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเมื่อวานนี้ โดยบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอีกตัวอย่างของความเปราะบางของรัฐบาลชุดนี้

 ผู้ประท้วงจริงจังกับการชุมนุมครั้งนี้ เพราะการชุมนุมขนาดเล็กกว่าที่การประชุมอาเซียนที่หัวหินเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไม่สามารถกดดันให้นายอภิสิทธิ์ลาออกได้ ในขณะที่ทางการไทยดูเหมือนจะไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกลุ่มผู้ประท้วงที่ยกพลมาถึงพัทยา โดยมีตำรวจปราบจลาจลเพียง 300 นาย ประจำการเพื่อควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงที่มีมากกว่า 1,000 คน

 ส่วนสำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ปลอดภัย ทั้งที่ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลได้บุกโรงแรมซึ่งเป็นที่พำนักของเขา และว่าสถานการณ์ตึงเครียดทำให้นายกรัฐมนตรีไทยต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

นักข่าวไม่พอใจถูกเข้มงวดเกิน

 เหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นทำให้มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจนเกือบเกินระดับที่จะยอมรับได้ โดยผู้สื่อข่าวต้องผ่านการตรวจหลายรอบ เพียงแค่จะเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง กระทรวงต่างประเทศของไทยได้ควบคุมเข้มเหมือนการประชุมที่หัวหิน จนทำให้นักข่าวพบกับความยากลำบากอย่างมากในการปฏิบัติงาน เพราะมีการประกาศเขตห้ามเข้าในหลายจุด

 นักข่าวฟิลิปปินส์คนหนึ่งที่ติดตามรายงานข่าวอาเซียนมานานกว่า 10 ปี กล่าวว่า การประชุมอาเซียนในไทยครั้งนี้ปฏิบัติต่อสื่อเหมือนเป็นศัตรู แทนที่จะเป็นหุ้นส่วน โดยมีข้อจำกัดกับสื่อเกินจริงกว่าที่ควรจะเป็น และครั้งนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่นักข่าวถูกปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศประชาธิปไตยอย่างประเทศไทย และเปรียบเทียบว่า แม้แต่ในสิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดกับสื่อ นักข่าวยังอนุญาตให้เข้าไปในบริเวณล็อบบี้ของสถานที่จัดการประชุมได้

 นักข่าวไทยคนหนึ่งยังบอกด้วยว่า จากการพูดคุยกับเพื่อนสื่อคนไทยด้วยกัน หลายคนก็เห็นตรงกันว่า การประสานงานกับสื่อนั้นแย่ที่สุด นักข่าวไทยที่ทำงานให้แก่หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นคนหนึ่งบอกว่า ตอนที่เข้าไปในงานเลี้ยงอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีต่างประเทศในการประชุมที่หัวหินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ต้องเจอกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่บอกให้เธอออกไปโดยเร็ว และหากไม่ไป เจ้านายญี่ปุ่นของเธอก็จะไม่ได้รับการต่อวีซ่าทำงาน

 นอกจากนี้บทความยังระบุว่า หากแนวโน้มการจำกัดการรายงานข่าวของสื่อยังคงเป็นเช่นนี้ ก็อาจส่งผลให้นักข่าวคว่ำบาตรการประชุมอาเซียนในอนาคต

บินนายกฯ ออสซี่กลับลำ

 สำนักข่าวเอเอพีของออสเตรเลียรายงานอีกว่า เครื่องบินของนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ แห่งออสเตรเลีย ที่กำลังเดินทางมาร่วมการประชุมที่พัทยา ได้กลับลำกลางอากาศ หลังจากการประชุมต้องยกเลิกจากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง

 รายงานข่าวเผยว่า เครื่องบินของนายรัดด์เหลืออีกเพียง 2 ชั่วโมง ก็จะร่อนลงจอดที่สนามบินในพัทยา แต่ต้องกลับลำกะทันหันไปยังที่หมายแห่งหนึ่งเพื่อเติมเชื้อเพลิง ขณะที่นางจูเลีย กิลลาร์ด รักษาการนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ยืนยันว่า เครื่องบินของนายรัดด์ได้กลับลำจริง หลังจากได้รับแจ้งจากรัฐบาลไทยว่าการประชุมเอเชียตะวันออกต้องระงับชั่วคราว ทำให้นายรัดด์ต้องเดินทางกลับออสเตรเลีย

เลขาธิการยูเอ็นเสียใจยกเลิกประชุม

 นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ไทยยกเลิกการประชุมอาเซียนที่เมืองพัทยา และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ตนต้องระงับการเข้าร่วมการประชุมด้วย โดยนายบันที่อยู่ในประเทศลาว ระบุว่า เข้าใจในสถานการณ์ที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องตัดสินใจด้วยความยากลำบาก แต่ก็หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งจะสามารถตกลงกันได้ด้วยการเจรจาและสันติวิธี

นาจิบมองไทยควรเป็นประธานอาเซียนต่อ

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องทิ้งเก้าอี้ประธานอาเซียน แม้จะเกิดเหตุวุ่นวายจนต้องระงับการประชุมสุดยอดอาเซียนก็ตาม โดยนายนาจิบกล่าวว่า รัฐบาลไทยควรได้รับโอกาสให้ตัดสินใจว่าจะจัดการประชุมขึ้นใหม่ในประเทศไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากจะจัดที่ไทยก็ควรมั่นใจว่าจะจัดอย่างราบรื่น

นักข่าวเทศชี้ไทยเสียประโยชน์

 ขณะที่นักข่าวที่ร่วมทำข่าวการประชุมอาเซียนภายในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เชื่อว่าการที่ไทยเลื่อนประชุมอาเซียนจะทำให้เสียผลประโยชน์ เสียภาพลักษณ์ของประเทศ โดยนายทิม จอห์นสตัน ผู้สื่อข่าวไฟแนนเชียล ไทม์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นหน้าเป็นตาให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ แต่กลับให้ผลตรงข้าม ประเทศไทยมีปัญหาทางการเมืองที่หยั่งลึกที่ต้องแก้ไข เหตุการณ์ในวันนี้ไม่มีใครได้รับชัยชนะ เชื่อว่า ความมั่นใจจากต่างชาติที่มีต่อประเทศไทยมีน้อยมาก ตนคิดว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องพูดคุยกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา

 ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ใช้กำลังในการเข้าควบคุมสถานการณ์นั้น นายจอห์นสตันกล่าวว่า เป็นสิ่งยากสำหรับคนที่เคยชินในการใช้ความรุนแรงจะเข้าใจ รัฐบาลควรจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับประเทศไทยมากกว่าความคิดเห็นของคนอื่น ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ไม่มีการใช้กำลังความรุนแรง แต่ควรมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่านี้

โศกนาฏกรรมของไทย-อาเซียน

 นายลารี่ แจแกน ผู้สื่อข่าวอิสระและนักวิเคราะห์ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าโรงแรมที่ประชุมอาเซียนว่า ถือเป็นโศกนาฏกรรมของประเทศไทย และอาเซียน ที่เอาปัญหาการเมืองภายในมาส่งผลต่อการประชุมระหว่างประเทศ เพราะการประชุมของผู้นำทั้ง 16 ประเทศ มีหัวข้อสำคัญมากกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่ทั่วโลกรอคอยว่า ที่ประชุมนี้น่าจะได้ข้อสรุปเป็นรูปธรรม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ไม่สามารถทำให้เกิดการประชุมได้ ขณะเดียวกันแสดงให้เห็นว่า ความแตกแยกของคนที่ต่อต้านและสนับสนุนรัฐบาลมีเป็นจำนวนมากทั้งสองฝ่าย ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงควรเร่งแก้ปัญหา

 น.ส.วารุณี ต่อศรีเจริญ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเกียวโด กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับสื่อมวลชนคงไม่มีใครตกใจ เพราะรู้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ทำอะไร แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ควรนำผลประโยชน์ทางการเมืองมาทำลายความเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม ที่ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ ซึ่งการจัดประชุมครั้งนี้ไม่สำเร็จ ถือเป็นการสร้างความอับอายให้แก่ประเทศ การกู้ภาพลักษณ์กลับคืนคงใช้เวลาอีกนาน และไม่แน่ใจว่าไทยอาจต้องพิจารณายกให้ประเทศเวียดนามเป็นผู้จัดประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่อไปเลยหรือไม่ หากไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองภายในประเทศได้

นักข่าวเวียดนามชี้ไม่มีใครชนะ

 นายทลาน เหวียด เฟือง ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ทานเนียน ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ได้ติดตามและรู้สึกคุ้นเคยกับการชุมนุมของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยของไทย ที่มีกว่า 3 ปี การชุมนุมที่ผ่านมาไม่เกินขอบเขตเหมือนกับการที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงบุกเข้ามาในศูนย์ประชุมอย่างวันนี้ เนื่องจากผู้ชุมนุมเสื้อแดงไม่ได้ชุมนุมอย่างสันติเหมือนตอนชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ เชื่อว่าผู้นำต่างชาติคงเข้าใจว่า รัฐบาลไทยทำดีที่สุดแล้ว และไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นนี้

 “เชื่อว่าหากนายอภิสิทธิ์ลาออกจากตำแหน่ง ความขัดแย้งทางการเมืองก็ยังคงมีต่อไป แล้วกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองก็จะออกมา ดังนั้นควรจะร่วมกันหาทางออกอย่างจริงใจ และพูดจาประนีประนอมในข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่าย เป็นการถอยหลังคนละก้าว เพื่อประโยชน์ของคนไทย” นายเฟืองกล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์