คุณทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าม็อบ ควบคุมสถานการณ์จากต่างประเทศไม่ได้ทุกด้านแน่นอน ฉะนั้นความเสี่ยงที่ยกระดับการต่อสู้ เพราะว่าต้องเร่งเผด็จศึก โดยรู้ว่าม็อบนั้นจะไม่สามารถอยู่ยาวนานโดยเฉพาะเมื่อเป็นช่วงวันสงกรานต์
ทักษิณ หวังว่าการยกระดับการต่อสู้ การเข้าไปยึดสี่แยกสำคัญๆ ของเมืองกรุงนั้น จะสามารถสร้างสถานการณ์บีบคั้นให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ รวมไปถึงประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ยอมต่อการกดดันของคุณทักษิณและผู้ชุมนุม
คุณทักษิณประเมินผิดอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะประเด็นที่ทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกเดือดร้อน และมีคนป่วย คนแก่ ที่ต้องรับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เพราะถนนสำคัญๆ ถูกปิด มีเสียงร้องเรียนเดือดร้อน โกรธแค้นกันอย่างกว้างขว้าง เพราะว่าการชุมนุมเช่นนี้จำเป็นจะต้องมีเหตุมีผลต่อประชาชน
การตัดสินใจเข้าไปยึดสี่แยกหลายจุดกลางกรุง จนเมืองหลวงเป็นอัมพาตนั้น เป็นการทำผิดกฎหมายชัดเจน และเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ทั้งที่แม้ใจอาจจะโอนเอียงเข้าไปฝ่ายชุมนุม และฝ่ายต่อต้านการชุมนุม คนที่อยู่กลางๆ ก็ตัดสินใจว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติและชีวิตประจำวันของคนกรุง
นี่คือจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำให้การชุมนุมที่คุณทักษิณหวังว่าจะเป็นการต่อรองให้ตัวเองสามารถพ้นผิดไม่ต้องติดคุก และจะได้เงินที่ถูกอายัดกลับคืนไป
ไม่สำเร็จ !! เพราะว่าที่คุณทักษิณ ทำขณะนี้ เป็นเรื่องของคนใจร้อน เป็นเรื่องของคนที่ต้องดิ้นเฮือกสุดท้าย เป็นคนที่รู้ว่า ถ้าไม่เผด็จศึกภายใน 2-3 วันข้างหน้า อนาคตของตัวเองจะถูกฝังกลบอย่างไม่มีวันสามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้
แต่เมื่อประชาชนเห็นแล้วว่า ทั้งหมดนี้ทำเพราะว่าคุณทักษิณต้องการที่จะให้ต้วเองประสบความสำเร็จที่ตัวเองเรียกว่าชัยชนะ เร่งร้อนเกินไป และใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายไม่สนใจว่า ความวุ่นวายปั่นป่วนนั้นจะไปกระทบประชาชน
ความหวังเดิมที่จะกดดันป๋าเปรม และนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์นั้น จึงกลายเป็นบูมเมอแรง ย้อนศรกลับมา เป็นประเด็นที่ทำให้คนทั้งประเทศถามว่า คุณทักษิณ จะรับผิดชอบอย่างไรกับความวุ่นวายปั่นป่วนที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันแรกของการประชุมอาเซียนบวกสาม อาเซียนบวกหก
ชัดเจนว่านี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบคุณทักษิณ