คมชัดลึก :ผบ.ทอ.จวกเสื้อแดงตั้งเรียกร้องเกินขอบเขต แนะมอบให้ไปอ่านรธน.มาตรา 68 และ 113 ลั่นจะไม่ยอมให้ม็อบทำนอกกฎหมาย เตือนสติคนไทยระวังประวัติซ้ำรอยไทยเสียกรุงวันสงกรานต์ ตั้งข้อสังเกตุเสื้อแดงพูดวันเสียงปืนแตกคล้ายคอมมิวนิสต์ ซัดเหมือนกองโจรจ้องทำลายระบอบปชต.
(9เม.ย.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมก็มีความเป็นห่วง เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งทุกเหล่าทัพจะเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน และคงไม่มีการถืออาวุธออกไปเพื่อดำเนินการอะไรที่ไม่ถูกต้อง และคงยืนยันตามคำพูดของผู้บังคับบัญชาตลอดมาว่าคงไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ คงจะปฏิบัติเหมือนเดิมเช่นเดียวกับทุกฝ่าย ทั้งนี้คิดว่าทุกคนคงหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้รับปากว่าจะชุมนุมอยู่ในความสงบจะไม่ทำอะไรอยู่นอกเหนือกฎหมาย เพราะเราคงยอมไม่ได้ถ้ามีการทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย บ้านเมืองถ้าไม่มีใครยอมรับกติกา ไม่มีการยอมรับกฎหมายบ้านเมืองคงอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะอยู่ในการควบคุม และอยู่ภายใต้กฎหมาย
เมื่อถามว่าทางออกที่ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ทางออกตนคงตอบแทนไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่เงื่อนไขของแต่ละฝ่ายที่เขาจะพิจารณาว่าอยู่ในกรอบกฎหมายหรือไม่
ซึ่งอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในกรอบของกฎหมายคงจะเจรจากันได้ แต่ถ้าอะไรที่อยู่นอกเหนือกฎหมายคงจะเจรจาไม่ได้ เพราะบ้านเมืองจะไม่มีขือไม่มีแปไม่ได้ ดังนั้นการเจรจาจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกรอบกฎหมายเท่านั้น เมื่อถามว่า การเรียกร้องให้ประธานองคมนตรี และองคมนตรี ลาออกเป็นข้อเรียกเกินไปหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนที่เรียกร้องจะต้องไปคิดดูให้ดีว่ารัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเขียนไว้ และมีหมวดองคมนตรีตลอด ซึ่งองคมนตรีปฏิบัติหน้าที่ให้คำปรึกษากับพระมหากษัตริย์ อะไรก็แล้วแต่ที่จะไปเกี่ยวข้องอะไรที่ไม่บังควรต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าคนไทยจะต้องพิจารณาถึงสิ่งที่เขาเรียกร้อง
“ประเทศไทยเคยมีวิกฤตมาหลายครั้ง และเคยเสียกรุงครั้งแรกเมื่อปี 2112 จากนั้นประมาณปี 2310 ก็เสียกรุงครั้งที่สอง ซึ่งทั้งสองครั้งเกิดจากการที่คนไทยไม่มีความสามัคคี และตอนที่เสียกรุงคือวันสงกรานต์ของปี 2310 ดังนั้นคงจะต้องคิดให้ดี เพราะใกล้ช่วงสงกรานต์แล้ว หากเรายังมัวทะเลาะกันประเทศชาติคงมีปัญหาตลอด และคนที่สร้างเงื่อนไขอะไรต่าง ๆ คนไทยคงจะนึกถึงและย้อนไปในอดีตว่าศัพท์ที่พูด ว่าวันเสียงปืนแตก หรือปฏิวัติประชาชนเป็นศัพท์ของคอมมิวนิสต์เก่าทั้งนั้น ซึ่งเหมือนเป็นขบวนการ หรืออุดมการณ์เก่า ๆ ที่กำลังจะกลับมาใหม่ โดยใช่เงื่อนไขที่มีผลประโยชน์สอดคล้องกัน ซึ่งวันเสียปืนแตกเป็นวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการกองโจร ที่ดำเนินการจรยุทธ์ และหลังจากนั้นประเทศไทยก็เกิดปัญหาเกี่ยวกับารต่อสู้กับการก่อการร้าย ที่พยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ดังนั้นอยากฝากให้ประชาชนคิดให้ดีว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องเพื่อผลประโยขน์ของประเทศหรือไม่ หรือว่าเพื่อกลุ่มใคร ผมพูดในฐานะคนไทยคนหนึ่งว่าเป็นห่วงประเทศชาติ” พล.อ.อ.อิทธพร กล่าว
เมื่อถามว่า กองทัพจะมีการดำเนินการดูแลเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์อย่างไร พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า กองทัพดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย อะไรที่ถูกต้องชอบธรรมเราจะไม่ลังเลในการปฏิบัติ
ทั้งนี้เราต้องไม่ลืมอดีต การที่เราเรียนประวัติศาสตร์น้อยลงทำให้คนไทยรักชาติน้อยลง แลไม่ค่อยดูแลประเทศชาติที่ในอดีตเราต่อสู้มาขนาดไหน ซึ่งต้องคิดดูให้ดีว่า สิ่งที่ทำประเทศชาติได้ผลประโยชน์หรือไม่
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้ว่าตกเป็นเหยื่อทางการเมือง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารสามารถจะอ่านได้ แต่การรับรู้ข่าวสารต้องคิด ไม่ใช่เชื่อไปถามที่ใครก็แล้วแต่มาปลุกปั่นยุยงที่อาจจะจริงบ้างไม่จริงบ้าง
ขณะนี้กลายเป็นว่าใครมาพูดที่ไม่ตรงกันตัวเองก็ไปโจมตีเขาหมด ไปฟ้องร้องประเทศชาติจึงปั่นป่วน ทั้งนี้คิดว่าทุกอย่างจะต้องดำเนินการด้วยการดูกฎหมาย ซึ่งการแก้ปัญหาอะไรต่าง ๆ ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา 113 และ 68 ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เขาทำเกินขอบเขตหรือไม่ ต้องดูให้ดีและถ้าท่านทำเกินขอบเขตจะมาร้องเรียนหรือแก้ตัวทีหลังว่าทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็คงจะต้องไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันจะต้องให้กระบวนการยุติธรรม เป็นกระบวนที่ตัดสิน
เมื่อถามว่า การเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวานนี้ ท่านได้ฝากอะไรในการดูแลสถานการณ์บ้าง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ท่านไม่ได้ฝากอะไร แต่เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ท่านก็เป็นห่วง และไม่สบายใจ