การออกมาหลั่ง "น้ำตางูเห่า" ของ "เนวิน ชิดชอบ" หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน "อดีตคนเสื้อแดงตัวพ่อ"
เพื่อเตือนถึง "ผู้นำการชุมนุมบางคนได้มีการเตรียมการบางอย่าง เพื่อจะก่อให้เกิดสถานการณ์ สงครามการเมือง สถานการณ์การปฏิวัติ แล้วก็สถานการณ์ที่จะนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค" นั้น
นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง ทำให้การระดมพลครั้งใหญ่ของคนเสื้อแดง 8 เมษายน เพื่อล้มล้าง "อำมาตยาธิปไตย" ขับไล่ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ "พล.อ.สุรุยทธ์ จุลานนท์" องคมนตรี ไปจนถึง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี แผ่วลงไปได้บ้าง
เพราะไม่เพียง "เนวิน" เท่านั้นที่ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่มีโอกาสเกิดขึ้นหลังจากนี้
ประกอบกับการจับกุมตัว "มือปืน" ที่เตรียมลอบสังหาร "นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ" องคมนตรี และอดีตประธานศาลฎีกาและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมัย "รัฐบาลสุรยุทธ์" พร้อมกับการขยายผลไปจับกุม "นายทหารยศ พ.ต." ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวาน ที่มาพร้อมกับข้อมูลการเตรียมการ วางเพลิงเผา "ธนาคารกรุงไทย" และ "ธนาคารใหญ่" อีก 10 จุด เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย ได้เป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เห็นถึงความเปราะบางของโอกาสที่จะเกิดปั่นป่วนกลายเป็นสงครามกลางเมือง ที่หลายฝ่ายไม่คาดฝัน
ทั้งนี้ ระดับแกนนำเสื้อแดงวางเป้าหมายเอาไว้เบื้องต้นว่า ต้องการเอาชนะให้ได้ภายใน 3 วัน คือ "8-10 เมษายน"
จากการประเมินกำลังพล วันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นวันแรก หน่วยงานความมั่นคงให้ตัวเลขผู้เข้าร่วมเกือบแสน ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุด จะไม่สามารถระดมกำลังได้มากกว่านี้แล้ว และถ้าจะลากยาวไปถึง 9 และ 10 เมษายนก็สามารถทำได้ โดยรัฐบาลจะปล่อยให้ชุมนุมไปเรื่อยๆ เพียงแค่ติดตามสถานการณ์ให้อยู่ในกรอบกฎหมายเท่านั้น
แต่ถ้ามีสถานการณ์ยั่วยุ จนยกระดับการชุมนุมให้เกิดความรุนแรง อาจงัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินประกาศใช้
แต่อย่าเพิ่งประมาท "คีย์แมน" เสื้อแดง ที่กำกับม็อบ
ซึ่งประกอบด้วยกัน 3 ทีมงานที่คอยประสานงานกันอย่างใกล้ชิด คือ 1.ส่วนเคลื่อนไหว ที่จะประกอบไปด้วย แกนนำหน้างานที่จะมี "วีระ มุสิกพงศ์" "นายจตุพร พรหมพันธุ์" และ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" 3 แกนนำคนเสื้อแดงที่จะรับผิดชอบหน้างาน ตั้งแต่การประเมินปริมาณผู้ชุมนุม อารมณ์ของผู้ชุมนุมและการเคลื่อนไหว "รุก-รับ" หรือ "ถอย"
2.ทีมยุทธศาสตร์ ซึ่งจะประกอบไปด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำพรรคพลังประชาชนและอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองระดับกุนซือ รวมทั้ง "พ.ต.ท.ทักษิณ" ที่จะมอนิเตอร์สถานการณ์ผ่านการถ่ายทอดสด เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกัน ก่อนกำหนดแผนการเคลื่อนไหว มายัง "3 แกนนำเสื้อแดง"
น่าห่วงคือ ว่ากันว่า การระดมพลใหญ่เสื้อแดงครั้งนี้ มีเพียง "พ.ต.ท.ทักษิณ" เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้แผนการล่วงหน้า และแม้แต่ "3 แกนนำ" ที่ต้องรับผิดชอบหน้างาน ยังไม่มีใครล่วงรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงตลอดทั้ง "3 วัน"
ด้วยเหตุผลของ "ชั้นความลับ" ที่ไม่ต้องการให้เล็ดลอดออกไปเข้าหู "ฝ่ายรัฐ" ซึ่งจะทำให้ถูกทำลายจังหวะการเคลื่อน ซึ่งก็น่าห่วงว่า การสั่งการระยะไกลของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" อาจจะเกิดความผิดพลาดจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ในจังหวะใดจังหวะหนึ่ง
ที่สำคัญคือ ทีมที่ 3 ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ ที่ประกอบไปด้วย "อดีตนายทหารระดับสูง" และ "กลุ่มคนมีสี" ที่เลือกข้างเสื้อแดง มาร่วมเป็น "หน่วยเฉพาะกิจ" ที่จะทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดในทุกวิถีทาง ด้วยการรับคำสั่งโดยตรงจาก "พ.ต.ท.ทักษิณ" ในจังหวะที่ "เสื้อแดง" พร้อมจะแตกหัก
และถ้า "คนมีสี" ใน "หน่วยเฉพาะกิจ" ของ "เสื้อแดง" นั้นมีชื่อของ "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) ผู้มีชื่ออยู่ร่วมในการเตรียมการปฏิวัติไม่รู้จักกี่ครั้ง ไปจนถึงการถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองอีกหลายหน ไม่ว่าจะ "พฤษภาทมิฬ 2535" "แผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ" จนกระทั่ง "ยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549" ซึ่งเคยประกาศว่า พร้อมมายืน "แถวหน้า" ให้ "คนเสื้อแดง" ใน "วันเผด็จศึก"
ก็ยิ่งเป็นห่วงอย่างยิ่งว่า "3 วัน" ที่แกนนำเสื้อแดงต้องการจะเอาชนะ "อำมาตยาธิปไตย" ให้ได้ จะกลายเป็น "3 วันอันตราย" ของประเทศไทย ทุกนาที
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว