วันนี้ (9 เม.ย.) เวลา 06.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการจมูกมด ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7
ปฏิเสธลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำประกาศแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยย้ำจุดยืนของรัฐบาลที่ยืนอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศ และระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการรักษากฎหมายความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังไม่รู้สึกกังวลเงื่อนเวลาครบกำหนดที่แกนนำ นปช.กำหนดไว้เวลา 16.00 น.วันเดียวกันนี้ โดยระบุว่า
ไม่รู้สึกกังวลเส้นตาย ตนได้อธิบายชัดเจนว่า ขอเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่มผู้ชุมนุม ข้อที่มีความชัดเจนน้อยที่สุดก็คือข้อ 3 ที่ว่าด้วยเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่เคยย้ำแล้วว่า เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการช่วยกันคิดช่วยกันทำในการปฏิรูปการเมือง แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมค่อนข้างสับสน ก่อนหน้านี้เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรรมนูญ ต่อมาเรียกร้องให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร ครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นเรียกร้องให้ลาออก เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วแม้แต่ความคิดของผู้ชุมนุมก็ยังไม่ได้ตกผลึก
“ผมเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุม และเคารพในหลักการที่ทุกคนอยากจะเห็นระบอบประชาธิปไตยที่มีการพัฒนา ก็ยืนยันที่จะเชิญชวนทุกฝ่ายเข้ามาร่วมในกระบวนการการปฏิรูปทางการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ ผมพร้อมที่จะหารือว่า รูปแบบสมควรเป็นอย่างไร ส่วนข้อเรียกร้องอื่นในขณะนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาตั้งเป็นเงื่อนไข ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้ง”นายกรัฐมนตรี กล่าว
การชุมนุมยังอยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นสิทธิที่ทำได้ การเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปก็ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และอยู่ในวิถีทางประชาธิปไตย เพราะถ้ามีความคิดที่จะทำอะไรผิดกฎหมาย นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอลิงค์ยืนยันคนเสื้อแดงจะไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า จะมีประชาธิปไตยเต็มใบติดมือไปด้วย โดยเชื่อว่า
เป็นความพยายามปลุกเร้า โดยที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ และตอนนี้ก็ให้ครอบครัวออกไปนอกประเทศแล้ว ส่วนการประสานต่างประเทศเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี รัฐบาลดำเนินการอยู่ตลอด โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้ประเทศต่างๆ ได้ทราบถึงคำพิพากษาของศาลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการกระทำความผิดในเรื่องใดบ้าง ซึ่งก็เป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีการเมือง ดังนั้นต้องนำตัวมาลงโทษ เพราะในทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ทุกคนต้องมีความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย เมื่อเป็นคนไทยทำผิดกฎหมาย ต้องมารับโทษไม่มีสิทธิ์มีเรียกร้องให้ตนเองเป็นข้อยกเว้น