ปิดการเจรจาจาก 3 เป็น 5 เส้นทาง

ตำรวจเตือนช่วงเย็นจนถึงค่ำวันนี้การจราจรจะติดขัด ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางใกล้กลุ่มผู้ชุมนุม เผยสั่งปิดเส้นทางจราจรเพิ่มเป็น 5 เส้นทางแล้ว กทม.ให้ ขรก.กลับก่อนเวลาเลิกงานเพื่อความปลอดภัย

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลงานด้านจราจร เปิดเผยว่าขณะนี้ได้สั่งปิดถนนจากเดิม 3 เส้นทางเพิ่มเป็น 5 เส้นทาง คือถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตรจนถึงแยกสี่เสาเทเวศร์  ถนนพิษณุโลกจากแยกยมราชถึงแยกวังแดง ถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่แยกมัฆวานรังสรรค์ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ต่อเนื่องแยกถนนอู่ทองใน ถนนสามเสนตั้งแต่แยกเทเวศร์ถึงแยกซังฮี้ และถนนราชสีมาตั้งแต่แยกการเรือนจนถึงแยกประชาเกษม

 ส่วนถนนราชดำเนินนอกที่เดิมสั่งปิดตั้งแต่แยกมัฆวานรังสรรค์ถึงแยกอู่ทองใน ได้ขยายพื้นที่ปิดตั้งแต่แยก จปร.ถึงแยกอู่ทองใน และคาดว่าการจราจรจะกลับมาหนาแน่นอีกครั้งตั้งแต่เวลา 16.00 น.วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน จึงจัดกำลังตำรวจ  150 นาย เข้าประจำแยกต่าง ๆ ใกล้พื้นที่ชุมนุม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน   พร้อมเตือนประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณถนนรอบทำเนียบรัฐบาล ลานพระบรมรูปทรงม้า และถนนรอบบ้านประธานองคมนตรี

 พล.ต.ต.ภาณุ ยังกล่าวถึงภาพรวมการจราจร  ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงขณะนี้คล่องตัว ยังไม่พบอุปสรรคใด ๆ จะมีติดขัดบ้างช่วงเวลา 11.00 น. ที่กลุ่มคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดได้เหมารถบัสขนาดใหญ่ เดินทางมาลงทางด่วนยมราช ทำให้การจราจรติดขัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี  ส่วนการจราจรที่มาจากฝั่งธนบุรี ถือว่ายังคล่องตัว ทั้งสะพานกรุงธน  พระราม 8 และสะพานพระปิ่นเกล้า

กทม.ให้ ขรก.กลับก่อนเวลาเลิกงานเพื่อความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ หัวหน้าหน่วยราชการภายในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บเอกสารสำคัญของแต่ละหน่วยงานไว้ในที่ปลอดภัย และให้เจ้าหน้าที่นำรถที่จอดอยู่ชั้นใต้ดินลานคนเมืองออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคลื่อนขบวนมาปิดล้อมที่ศาลาว่าการ กทม. นอกจากนี้ ยังมีบางหน่วยงานอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กลับบ้านได้ก่อนเวลาเลิกงาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

 ส่วนบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยภายนอกศาลาว่าการ กทม. มีเจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยรถดับเพลิง กระจายตรึงกำลังโดยรอบบริเวณกว่า 200 นาย ภายหลังมีข่าวลือว่า ศาลาว่าการ กทม. เป็นหนึ่งในสถานที่ราชการหลายแห่งที่กลุ่ม นปช.จะเผาทำลาย