พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรโฟนอินโดยมีคำพูดว่า "วันเสียงปืนแตก" ออกมา
เสียงปืนแตกเมื่อไร เขาจะกลับมานำม็อบด้วยตัวเอง
ถ้าพูดถึงความหมายจริงๆ ของคำว่า "วันเสียงปืนแตก" ตามความเข้าใจทั่วไป
ไม่มีใครนึกถึงทหารยิงม็อบ
เช่น สมัยเผด็จการถนอม-ประภาส ยิงม็อบนิสิตนักศึกษา 14 ตุลา 16
หรือตอนสุจินดา พฤษภาทมิฬ 17-20 พฤษภา 35
เขาก็ไม่เรียกกันว่า"วันเสียงปืนแตก"
ความหมายเดิมของ"วันเสียงปืนแตก" เป็นวันประกาศสงครามของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับฝ่ายรัฐบาลไทย
เป็นวันเริ่มต้นที่ประชาชนเริ่มจับอาวุธสู้กับทหาร-ตำรวจ อย่างเป็น ทางการ
เพราะฉะนั้น เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณนำคำนี้กลับมาย้อนยุคใช้ใหม่กับม็อบเสื้อแดง
ความหมายมันอาจกินลึกไปถึงการลุกฮือของคนเสื้อแดง ก่อสงครามประชาชน
พ.ต.ท.ทักษิณเองใช้วิธีโฟนอินแบบคาบลูกคาบดอกรายวัน
ทำไม่รู้ไม่ชี้ ตีกระหน่ำในองคมนตรี 2 คนอย่างเอาการเอางาน
โดยระหว่างด่าทอหรือเปิดโปงอะไรก็ตาม
จะต้องออกตัวว่า "ผมมีความจงรักภักดี" แทรกอยู่เป็นระยะ
ซึ่งความรู้สึกแท้จริงที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พูดออกมานั้น
คาดว่าหลายๆ คน พอจะเดาได้!
จริงอยู่ว่าองคมนตรีมีหน้าที่ถวายคำปรึกษาแด่พระเจ้าแผ่นดิน
แต่ไม่มีองคมนตรีคนไหน แต่งตั้งตัวเองเข้าไปทำหน้าที่นี้
ไม่ใช่ใครนึกอยากจะเป็นองคมนตรี ก็เป็นได้
แต่เป็นการพระราชทานแต่งตั้ง โดยพระราชอัธยาศัยของในหลวงเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ที่ปากบอกจงรักภักดี แต่ปากเดียวกัน ก็กล่าวหาว่าร้ายองคมนตรีไปในเวลาเดียวกัน
จึงสวนทางกันอย่างแรง
ว่าไปแล้ว ข้อกล่าวหาฉกรรจ์ทั้งหลายจากพ.ต.ท.ทักษิณ
ถ้าว่าแง่กฎหมายล้วนๆ หากมีการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทกันขึ้นมา
มองไม่เห็นเลยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีหลักฐานอันใดมายืนยันข้อกล่าวหา
ไม่ใช่การพูดเรื่องจริง แต่ก็ยังมีความผิดอยู่ดี เพราะเป็นความจริงที่เข้าข่ายหมิ่น
พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะได้ความเห็นใจจากคนไม่สวมเสื้อแดง
หากว่าตอนเป็นนายกรัฐมนตรี จะแสดงตัวปกปักรักษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 40 จริงๆ
ไม่ใช่บ่อนทำลายด้วยการแทรกแซงสารพัด สถาปนาความเป็นเผด็จการรัฐสภา
ใช้ช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญ เพื่อครองอำนาจโดยไร้การตรวจสอบ
แล้วก็ใช้อำนาจเพื่อตัวเอง ครอบครัวและคณะพรรค
จนได้รับฉายาจากธีรยุทธ บุญมี ว่า "โกงทั้งโคตร"
การทวงประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืน จะขอแบบไม่แถมตัวพ.ต.ท. ทักษิณได้หรือไม่?
ขายเหล้าไม่พ่วงเบียร์ได้หรือไม่?