"ทักษิณ"อวดรวยเปิดบ้านลอยฟ้า 1.5 พันล้าน "ทักกี้ แอร์ไลน์" พบเพื่อนแท้กลางอากาศดูแลหลังถูกปฏิวัติ
เนื้อหาหนึ่งในหนังสือ "...ทักษิณ ARE YOU OK? การเมือง ความแค้น ความรัก..." ที่เขียนโดย "หมวดเจี๊ยบ" ร.ท.หญิงสุณิศา เลิศภควัต ที่เล่าเรื่องราวความหรูหราบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่มา - นี่คือเนื้อหาหนึ่งในหนังสือ "...ทักษิณ ARE YOU OK? การเมือง ความแค้น ความรัก..." ที่เขียนโดย "หมวดเจี๊ยบ" ร.ท.หญิงสุณิศา เลิศภควัต ที่เล่าเรื่องราวความหรูหราบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังนัดเจอกันที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ก่อนบินไปประเทศนิการากัว
เหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ต้องใช้เครื่องบินส่วนตัว เพราะคำนวณดูแล้วว่า เขาคงต้องระหกระเหินอยู่ในต่างประเทศไปอีกนาน โดยที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่า วันนี้อาจกินข้าวกลางวันที่ฮ่องกง ตกเย็นอาจต้องไปกินข้าวในประเทศอูกันดา ทวีปแอฟริกา
ใครก็ตามที่เดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ ก็คงจะทราบดีว่ามีข้อจำกัดมากมาย ทั้งการจองตั๋ว เที่ยวบิน ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะ และมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ อีกทั้งคณะติดตามมีจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว โดยมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเช่าเครื่องบินครั้งละ 20-50 ล้านบาทต่อการเดินทาง 1-2 สัปดาห์ ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยในภาวะที่เขาต้องรัดเข็มขัด
แต่ยังนับว่าโชคดีที่เจ้าของเครื่องบินลำนี้เป็นเพื่อนของเขา จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องจ่ายค่าจอดเครื่องบิน ซึ่งตามปกติค่าใช้จ่ายในการจอดคิดกันเป็นรายชั่วโมง
คนที่คอยเป็นธุระจัดการเรื่องพาหนะต่างๆ รวมทั้งเครื่องบินส่วนตัว คือเพื่อนสนิทคนเดิมที่ชื่อ ชาญชัย (รวยรุ่งเรือง หรือเหยียน ปิน) ที่ดูแลเขามาตลอดหลังการปฏิวัติ โดยให้ที่พักพิง ให้คำปรึกษาในเวลาที่ท้อแท้
พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เขาได้รู้ซึ้งว่าใครคือเพื่อนแท้ยามยาก "เงินร้อยล้านสองร้อยล้าน กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้ว เมื่อเทียบกับคำว่าเพื่อน"
เครื่องบินส่วนตัวที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เป็นพาหนะเดินทางไปนิการากัวครั้งนี้ เป็นเครื่องบินเจ็ท รุ่น GLOBAL EXPRESS สีขาว ราคา 1,500 ล้านบาท มีเลขทะเบียนเป็นเบอร์ตองแปด ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ตรงหางเครื่องบิน ซึ่งฉันขอเรียกว่า "ทักกี้ แอร์ไลน์"
ทักษิณอวดรวยเปิดบ้านลอยฟ้าหรือ ทักกี้ แอร์ไลน์
ฉันวิ่งขึ้นเครื่องบินเป็นคนสุดท้าย เพราะมัวแต่ถ่ายรูปเครื่องบิน ทันที่ขึ้นเครื่องก็พบ แอร์โฮสเตสสาวประจำเครื่องบินที่ชื่อว่า "บาร์บาร่า" ยืนต้อนรับอยู่ ในมือมีเสื้อสูทและโอเวอร์โค้ทตัวใหญ่ๆ ทั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ และของคนอื่นๆ เต็มมือไปหมด
เครื่องบินลำนี้แบ่งออกเป็นสามตอน ตอนหน้าเป็นส่วนของห้องนักบินและห้องครัว ตอนกลางเป็นที่นั่งสำหรับผู้โดยสารวีไอพี และตอนท้ายหรือส่วนหางของเครื่องบิน มีทั้งเก้าอี้ผู้โดยสาร ห้องน้ำ และห้องเก็บสัมภาระ ซึ่งเป็นที่นั่งของฉันฉันสังเกตว่า สิ่งแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำหลังจากที่นั่งบนเครื่องบินคือ การเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือ ฉันเห็นเขาหยิบกระเป๋าเดินทางคู่ชีพ เป็นผ้าคล้ายไนล่อนสีดำสนิท เขียนยี่ห้อด้วยตัวอักษรสีแดงว่า MANDRIN DUCK มารูดซิป สังเหตเห็นว่าเป็นขนาดเท่ากล่องแว่นตา เมื่อเปิดมากลับไม่ใช่แว่นตา แต่เป็นซิมเล็กๆ ราวๆ 20-30 อัน
หลังจากที่เปลี่ยนซิมมือถือแล้ว เขาก็เข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนจากชุดสูทเป็นชุดลำลองเหมือนอยู่บ้าน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเห็นเครื่องบินลำนี้เป็นบ้านเขาจริงๆ
เขาเล่าว่า การปรับตัวให้เป็นคนนอนง่ายนั้นสำคัญมาก จะมาคิดว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว มันทำไม่ได้ เรียกว่าหัวถึงหมอนก็ต้องหลับเอาไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าสถานที่ที่จะไปถึงนั้นจะเป็นตอนเช้าหรือกลางคืน
สำรวจห้องครัวลอยฟ้าบนเครื่องบินลำนี้ มีหน้าตาเหมือนห้องครัวสำเร็จรูปที่เห็นได้ทั่วไปตามคอนโดมิเนียมสมัยใหม่ คือเป็นแพนทรีเล็กๆ มีตู้แขวนบิลด์อินสำหรับใส่อาหารและอุปกรณ์ครัว ประตูของตู้ทุกบานในห้องครัวบุด้วยไม้สีน้ำตาลทอง และเดินคิ้วด้วยขอบทองคำเหลืองเพื่อให้เข้ากับการตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ของเครื่องบิน ซึ่งบุด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งลำ โดยไม้ที่ใช้มีสีน้ำตาล หน้าตาและลวดลายคล้ายๆ ที่ฉันเคยเห็นในคอนโซลลายไม้ของรถเบนซ์
อุปกรณ์หลักภายในห้องครัวก็คือ ไมโครเวฟ ส่วนเมนูเด็ดที่ซ่อนอยู่ในตู้เก็บอาหารของห้องครัวของเครื่องบินอันแสนจะเริ่ดหรูแห่งนี้ แทนที่จะเป็นรังนกราคาแพง หรือหูฉลามสำเร็จรูปแช่แข็ง แต่มันกลับเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อธรรมดาๆ ของไทย สารพัดรส หลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นมาม่าหรือไวไว และมีครบทุกรส
เครื่องบินเจ็ทยี่ห้อทักกี้แอร์ไลน์ ทันทีที่เดินเข้ามาในเครื่อง จะเห็นเก้าอี้ซึ่งเป็นเบาะสีครีมงาช้าง แบบที่เห็นในรถเบนซ์ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ทั้งสองฝั่งของทางเดิน แต่ละฝั่งก็จะมีเก้าอี้สองตัว หันหน้าเข้าหากัน ฝั่งละคู่ ตรงบริเวณที่วางเท้าระหว่างเก้าอี้แต่ละคู่ จะมีพื้นที่กว้างขวาง จนคนนั่งทั้งสองคนนั้นสามารถปรับเบาะตรงขายืดออกมาเป็นเตียงนอนขนาดย่อมๆ ได้ รวมทั้งยังมีโต๊ะกลางพับได้ ซึ่งสามารถดึงออกใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือหรือโต๊ะกินข้าวในยามที่ต้องการ
เวลานั่งเอนหลัง มองออกไปนอกหน้าต่าง คนนั่งก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แสนจะชวนฝัน
เนื่องจากขอบหน้าต่างของเครื่องบินเป็นสีทองเหลืองอร่าม เวลาที่มองวิวท้องฟ้า เมื่อเหลือบไปเห็นสีทองๆ ของขอบหน้าต่าง ก็จะเหมือนกำลังนั่งมองภาพวาดที่แขวนอยู่ในกรอบสีทองยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
ฉันสงสัยว่า วัสดุสีทองที่ประดับอยู่รอบเครื่องบิน เป็นทองคำแท้หรือเปล่า จึงไปถามนักบินที่เป็นฝรั่งชาวอเมริกันชื่อเจฟ ตอนที่เขาเดินมาที่ท้ายลำเพื่อเก็บของ แต่เขาบอกว่า มันทำด้วยสแตนเลสแท้ แล้วทาทับด้วยสีทอง
ลูกเรือของเครื่องบินลำนี้มีอยู่ 3 คน คือ เจฟ กับตันชาวอเมริกัน บาร์บาร่า แอร์โฮสเตสสาวสวยวัย 28 ปี และก๊อตฟรี นักบินชาวอังกฤษ
เจฟบอกกับฉันว่า เขาได้เงินเดือนจากบริษัทปีละ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็คือราวๆ ปีละ 7 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 6 แสนบาท ส่วนบาร์บาร่าบอกว่าเธอได้รับเงินเดือนเดือนละ 2,600 ปอนด์ หรือประมาณ 130,000 บาท
ระหว่างที่พวกเขารอ พ.ต.ท.ทักษิณปฏิบัติภารกิจในประเทศต่างๆ ทางบริษัทของพวกเขาจะเป็นผู้จองโรงแรมที่พักให้กับพวกเขาต่างหาก และเมื่อถึงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับ พวกเขาก็จะไปรอที่สนามบิน
พ.ต.ท.ทักษิณเล่าว่า "ตอนบาร์บาร่ามาใหม่ๆ เขาทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นนะ ผมก็ต้องให้เลขาฯของผมคอยสอนให้ทำอาหารไทย ซื้อมาม่ามาให้บ้างอะไรบ้าง จนเดี๋ยวนี้บาร์บาร่าเขารู้แล้วว่าควรจะต้องซื้ออาหารแบบไหนมาไว้ในครัว"
ส่วนคณะทำงานของพ.ต.ท.ทักษิณ มีเลขาเป็นผู้หญิง 1 คน คนติดตามเป็นผู้ชายอีก 1 คน เท่าที่รู้พ.ต.ท.ทักษิณจะมีเลขาฯ 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด เช่นเดียวกับคนติดตามมี 3 คน ผู้ชายทั้งหมด ทั้งหมดจะทำงานสลับกัน คนละ 3 อาทิตย์ และจะคอยเดินทางไปแตะมือกันตามประเทศต่างๆ
การเดินทางไปนิการากัวครั้งนี้ ใช้เวลา 13 ชั่วโมง จึงถึงที่หมาย..!