"นพดล"ท้า"กษิต"มาเอาพาสปอร์ต"แม้ว" จากเวทีเสื้อแดง ซัดช่วงนี้ มี"หมาบ้า"เยอะ เผย ขรก.กต.ไม่พอใจ กระทรวงถูกใช้เป็นสถานที่โต้ตอบหยาบคาย "เด็กแม้ว"ไล่ไปตั้งเวทีเสื้อเหลือง ระบุทำคนไทยทั่วโลก"อับอาย" เจ้าตัวบอกมีความสุขดี
เพื่อไทยท้า"กษิต"ตั้งเวทีเสื้อเหลือง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 1 เมษายน ตอบโต้กรณีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดกระทรวงการต่างประเทศแถลงท้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีโต้วาทีกันเพื่อพูดความจริง และพร้อมที่จะเดินทางไปรับหนังสือเดินทางเล่มสีน้ำตาลคืนจาก พ.ต.ท.ทักษิณทุกที่ ว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องพูดสุขุมรอบคอบ ไม่ใช่นิสัยอันธพาล ท้าตีต่อย เนื่องจากต้องเป็นทูตไปพบผู้นำแต่ละประเทศ ทำแบบนี้แล้วจะทำหน้าที่ได้อย่างไร ล่าสุดกรณีสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องออกมาแก้ข่าวว่า สื่อแปลคำว่า Gangster ผิด ฉะนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องพิจารณาแล้วว่า นายกษิตเหมาะสมเพียงใด สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังบอกว่า ตนเองมาจากเลือกตั้ง ไม่ได้ปล้นประชาธิปไตยมา ถามว่า นายอภิสิทธิ์อายหรือไม่ที่ถูกเปรียบเปรยแบบนี้
"รัฐมนตรีต่างประเทศทุกคนที่ผ่านมาสุขุมนุ่มนวล แต่นายกษิตทำตรงข้าม พฤติกรรมแบบนี้ผมเห็นว่าฝ่ายบริหารหมดความชอบธรรมในการทำหน้าที่ ทำให้คนไทยทั้งในและนอกประเทศอับอาย ถ้านายกษิตอยากสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาใส่เสื้อเหลือง ตั้งเวทีพันธมิตรสู้กัน อย่าใช้กระทรวง เพราะไม่เหมาะสม ทุกวันนี้กระทรวงการต่างประเทศตกต่ำสุด ขอเรียกร้องข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีออกมาต่อต้าน ฝ่ายค้านอภิปรายในสภาให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกษิตสมัยเป็นทูตมาแล้ว และนายกษิตยังยอมรับชัดว่ารับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ สมัยเป็นข้าราชการ ถือว่าผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ เพราะคดียังไม่หมดอายุความ เนื่องจากนายกษิตพ้นจากตำแหน่งมาไม่ถึง 2 ปี" นายสุรพงษ์ กล่าว
อ้าง"ขรก."ไม่พอใจใช้กระทรวงโต้"แม้ว"
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงพูดจี้ใจดำ นายกษิต จึงเก็บอาการไม่อยู่ ทราบจากข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศว่า การให้สัมภาษณ์ตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณของนายกษิต ทางนายกษิตสั่งให้ถ่ายทอดเสียงไปทั่วกระทรวง ทำให้ข้าราชการเกิดความไม่พอใจและจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของนายกษิต ที่ใช้กระทรวงการต่างประเทศเป็นสถานที่ตอบโต้เรื่องส่วนตัว
"ข้าราชการในกระทรวงเกิดความระส่ำระสายกับการกระทำของนายกษิตมาก เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องมีคุณสมบัติของนักการทูตที่ดี เพียงแค่คำว่า "เซย์ โน" ยังไม่พูดเลย แต่นายกษิตกลับพูดจาหยาบคายเป็นอย่างมาก ช่วงนี้ผมเข้าใจว่าเดือนเมษายนอากาศร้อน หมาบ้าจึงเยอะ ขอเตือนประชาชนให้นำสุนัขไปฉีดยาแก้พิษสุนัขบ้าด้วย" นายนพดลกล่าว
นายนพดล กล่าวว่า การชี้แจงของนายกษิตถือเป็นเพียงการแก้ตัวข้างๆ คูๆ ยอมรับว่ารับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณแล้วเอาไปช่วยคนอื่นต่ออย่างนี้ใครเขาจะเชื่อ เพราะข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทราบดีว่าคนอย่างนายกษิตทำงานกับใครก็มีปัญหา และเป็นคนที่ไม่สำนึกในบุญคุณคน คนแบบนี้หาความเจริญไม่ได้ และในฐานะที่ตนเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอปรามาสไว้เลยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาได้เลย รวมไปถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศก็จะเสื่อมทรามลงอย่างแน่นอน
ท้า"กษิต"รับพาสปอร์ต"แม้ว"เวทีเสื้อแดง
นายนพดล กล่าวถึงกรณีนายกษิตระบุว่าพร้อมรับพาสปอร์ตเล่มน้ำตาลของ พ.ต.ท.ทักษิณคืนว่า ถ้านายกษิตพร้อมที่จะเดินทางไปรับบนเวทีคนเสื้อแดง ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณยินดีที่จะคืนพาสปอร์ตให้ทันที แต่ขึ้นอยู่กับนายกษิตว่าจะกล้าหรือไม่ หากนายกษิตใช้อำนาจไปบีบบังคับข้าราชการในกระทรวงเพื่อให้ถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่เดือดร้อนและไม่มีผลกระทบต่อการเดินทางใดๆ
ด้านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกษิตระบุว่านำเงินที่ได้รับจาก พ.ต.ท.ทักษิณไปทำบุญว่า ขอให้เปิดเผยว่าเป็นวัดใด ตนจะได้ตามไปสอบถามว่าเป็นความจริงหรือไม่ และจะติดตามว่าเงินที่นายกษิตรับไปนั้นมีจำนวนมากเท่าใด ส่วนที่ประกาศว่าจะนำเงินมาคืน พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่านายกษิตรวยแล้วใช่หรือไม่
นพดลท้ากษิตเอาพาสปอร์ตแม้วจากเวทีเสื้อแดง
"รมว.ต่างประเทศ"อารมณ์ดีบอก"แฮปปี้"
ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอย่างอารมณ์ดีหลังประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษว่า ยังแฮปปี้ดี สบายๆ ไม่มีอะไร ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดี และการติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ นายกษิตกล่าวว่า อยู่ในกระบวนการดำเนินการ เมื่อถามกรณีสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ออกมาแสดงความไม่พอใจที่เคยกล่าวหาสมเด็จฯ ฮุน เซน ว่าเป็นแก๊งสเตอร์ (พวกนักเลง) นายกษิตตอบสวนว่า "คุณรู้ภาษาไทยรึเปล่า" เมื่อถามอีกว่า ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับสมเด็จฯ ฮุน เซน หรือยัง นายกษิตไม่ตอบพร้อมเดินหนีไปทันที
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณล่าช้าว่า "พ.ต.ท.ทักษิณมีเครื่องบินส่วนตัว จะบินไปที่ไหนก็ได้ วันหนึ่งอยู่ฮ่องกง ดูไบ อีกวันไปจีน อีกวันไปสหรัฐ ส่วนตำรวจเขาซื้อตั๋วอีโคโนมี (ชั้นประหยัด) ตามไม่ทันหรอกครับ แต่ได้ประสานกับประเทศต่างๆ ที่มีข้อตกลงเรื่องสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี"
"อัยการ"ชี้"กษิต"มีอำนาจล่า"แม้ว"
ด้านนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายกษิตเตรียมเดินทางไปติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นอำนาจโดยตรงของกระทรวงการต่างประเทศที่ทำได้ เช่น กรณีการเดินทางไปเมืองดูไบ ที่กระทรวงการต่างประเทศมีข้อตกลงโดยตรง หากพบตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อัยการจะทำคำร้องขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อยื่นต่อศาลของประเทศดังกล่าว แต่ในชั้นนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องตามไปต่างประเทศหรือไม่ เพราะปัญหาในการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดน ต้องพบตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศที่จะร้องขอจริง หรือถูกจับตัวได้แล้วที่ประเทศนั้น นอกจากนี้ ทางการไทยต้องมีข้อมูลประกอบเพียงพอชัดเจน หากไม่ชัดเจน ประเทศนั้นๆ จะไม่ส่งตัวให้ ดังนั้น การระบุที่อยู่ปัจจุบันของผู้ต้องหา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
กรณีที่อัยการถูกมองว่าทำงานล่าช้าขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเดินทางไปในหลายประเทศ และสามารถโฟนอินข้ามประเทศได้ตลอดเวลานั้น นายศิริศักดิ์กล่าวว่า อัยการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องรอไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถยื่นให้ประเทศใดก็ได้ เพียงแต่ยังติดปัญหาไม่ทราบที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และอัยการไม่สามารถส่งคำร้องล่วงหน้าให้ทุกประเทศที่มีสนธิสัญญาได้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า อัยการเตรียมไล่ล่านั้น เป็นการลงข่าวที่เกินความจริง เนื่องจากอัยการไทยไม่เหมือนอัยการสหรัฐ ไม่มีอำนาจจับกุมใครได้นอกจากการประสานงาน เพื่อขอดูเอกสาร และส่งคำร้อง เมื่อประเทศของเขาจับตัวได้เท่านั้น
"กรณี พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอิน วิดีโอลิงก์ข้ามประเทศ แล้วย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆ เป็นตัวอย่างทำให้เกิดแนวคิดว่า สมควรจะแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยให้ส่งคำร้องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น ถ้าอยู่ฮ่องกง อีก 2 ชั่วโมงไปดูไบ ก็ส่งอี-เมลไปรอที่ดูไบได้เลย ซึ่งอัยการกำลังร่างแก้ไขกฎหมายเรื่องนี้อยู่" อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศกล่าว