เวลา 16.15 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงตอบโต้คำกล่าวหา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 25 นาที
การแถลงข่าววันนี้สืบเนื่องมาจาก พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวชื่นชมตนจากต่างประเทศ ตั้งแต่เข้าสู่วงการการเมืองมา 4-5 ปี ทั้งการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หรือขึ้นเวทีพันธมิตร แต่ตนไม่เคยนำเรื่องส่วนตัวเข้ามายุ่ง ตนเป็นลูกผู้ชายและนักเลงพอที่จะไม่เล่นการเมืองใต้สะดือ ไม่เคยกล่าวอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณในเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องความต่างในแง่ของเนื้องาน นโยบายและเห็นว่าไม่ถูกต้องเรื่องความสุจริตในการบริหารราชการ เมื่อครั้งที่เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลในทำเนียบรัฐบาล ในช่วงปี 2545 ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามา และลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็แสดงฝีมือในสภาฯ ก็ล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว สาดโคลน แต่นั่นก็เป็นแค่ลิ่วล้อ มือปืนรับจ้าง สวะสังคม ก็ไม่ว่ากัน แต่วันนี้นายใหญ่ลงมาเล่นเอง ก็ยินดี ตนก็ไม่อยากขึ้นเวทีไปชกแบบเฮฟวี่เวตกับ พ.ต.ท.ทักษิณเอง แต่เมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณพร้อมจะเปิดสนาม ก็ขอต้อนรับด้วยความยินดี
“ขอท้าว่าอย่าเก่งแค่พูดคนเดียวเหมือนตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่พูดวันเสาร์อยู่คนเดียว ไม่กล้าไปสภา หนีสภาอยู่ตลอดเวลา ทำไมไม่ให้เวลากับฝ่ายค้าน วันนี้ข้าพเจ้าเป็นนักประชาธิปไตย ก็เอ็งหนีสภาตลอดเวลา ใช้รัฐสภาเป็นตรายางเท่านั้น ให้หันเหไปตามอำนาจเงินที่มีอยู่ ก็ทราบกันดี เมื่อนายใหญ่จะมาเล่นเอง ก็ด้วยความยินดี ฝากว่าไอ้พวกลิ่วลออย่ามาเกะกะหน้าตาผมได้ไหม ออกไปห่างๆ อย่าเสียเวลามาตอแยนอกสภา เอายังไงกันแน่ จะเล่นบนถนนหรือเล่นกันในรัฐสภา เลือกเอาสักอย่าง เล่นสองอย่างไม่ได้ครับ ผมขอท้าโต้วาทีกับคุณทักษิณ ให้คุณทักษิณเลือกเวทีด้วย ไหนว่าพูดภาษาอังกฤษเก่งนัก จะเอาบีบีซีหรือซีเอ็นเอ็น อัล จาซีรา ซีเอ็นบีซี และเลือกเวทีด้วย จะเอาที่สันป่าตองก็ได้ ที่เชียงใหม่ ดูไบ หรือฮ่องกงก็ได้ ที่ไหนที่คุณทักษิณโอ้อวดว่ามีเพื่อนเยอะๆในต่างประเทศ เวทีไหนก็ได้ หรือจะกลับ ไปที่สเตเดียมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้ทุกเมื่อ ผมพร้อมเสมอ ผมมีเพื่อนอีกเยอะ ยาวเป็นแถวทั้งในพรรคประชาธิปัตย์และเวทีพันธมิตรฯ เลือกมาเลย อย่ามาทำอวดเก่งคนเดียว พูดคนเดียว เอาของแท้มาพูด อย่าบิดเบือน” นายกษิตกล่าวอย่างมีอารมณ์
นายกษิตกล่าวอีกว่า ตนมาเป็นรัฐมนตรี 3 เดือนแล้ว และในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ของสังคม ความมีเมตตาธรรม ความโอบอ้อมอารีของคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
ส่วนหนึ่งคือให้สตางค์เด็กๆก็ทำกันมาตลอด และโดยที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นประเพณีกันตลอดทุกยุคทุกสมัย เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปต่างประเทศก็จะมอบเงินส่วนหนึ่งให้กับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยให้กับพนักงานท้องถิ่นหรือฝากให้ไปทำบุญ “คุณทักษิณได้ให้สตางค์ผมในหลายประเทศ ไม่ได้ไปขอแต่ให้เอง ก็เหมือนกับทุกเช้าวันพระหรือวันเสาร์อาทิตย์ เราไปตักบาตร ใส่บาตรให้พระภิกษุสงฆ์ แล้ววันนี้จะมาล้วงออกจากบาตร ถามว่าคุณทักษิณเป็นมนุษย์หรือเปรต ให้สตางค์ผมมา ผมไม่ได้รับมาเพื่อตัวเอง แม้แต่แดงเดียว ถ้ารับคงไม่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ไม่เข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และวันนี้จะไม่ยืนตรงนี้ เพราะผมจะกลายเป็นลูกทาสของคุณพ่อทักษิณ ผมจะไม่สง่างาม ขอความกรุณา อย่ามาบิดเบือนข้อเท็จจริง สตางค์ทุกบาทที่ให้ผมมา ผมได้เรียนให้ทราบว่าผมเอาไปทำอะไร”
นายกษิตกล่าวต่อว่า อย่างที่อินโดนีเซียก็แจกพนักงานท้องถิ่นที่ได้เงินเดือนคนละพันกว่าบาท ชาวประมงไทยถูกจับ ไม่มีอาหาร หรือเอาไปทำบุญ
และก็มีพนักงาน 2 คนที่สถานทูตตายไปแล้ว จะตามไปเอาที่นรกหรือสวรรค์ จะไปทวงเขาหรือ ยืนยันว่าเงินที่ตนเอามาให้และใช้ไปแล้ว ที่เยอรมันก็เช่นกัน ตนเป็นผู้ริเริ่มทำกงสุลสัญจร ช่วยผู้หญิงไทยในเยอรมัน ไปวัดวาอารามตั้งเป็นสมาคม ฝึกสมาธิวิปัสสนา นวดแผนโบราณ พาหมอไปดูเรื่องจิตแพทย์ หรือเขาอยากจะทำบุญก็ใช้เงินของ พ.ต.ท.ทักษิณไปช่วยเขาเล็กๆน้อยๆไม่กี่สตางค์ รวมทั้งหมดที่เอาสตางค์มาผ่านมือตน ไม่กี่แสนบาทเท่านั้นเอง จะทวงคืนไหม 1 ล้านบาทเดี๋ยวตนจะให้คืนเดี๋ยวนี้ มาล้วงจากบาตรไปได้ไหม มนุษย์อะไร ช่วยเหลือคนเขาไว้แล้ว วันนี้อยากมาทวงคืนเพียงเพื่ออยากกระทืบตนให้จมแผ่นดินการเมืองเท่านั้น โดยไปพูดกับชาวบ้านว่าตนรับเงินทักษิณ อย่างนี้มันไม่ไหวแล้ว ตอน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น รมต.ต่างประเทศ 3-4 เดือน เป็นรองนายกฯ และล่าสุดเกิดอุทกภัยที่มิสซิสซิปปี้ และหลุยส์เซียนนา ซึ่งเป็นช่วงเดือนสุดท้ายในการรับราชการของตน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณมาเยือน มีคนไทย 200-300 คนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างที่มีอยู่ ตนก็บอกว่าทำไมไม่ช่วย ก็มอบเงินผ่าน นพ.พรหมินทร์มาให้ 2 หมื่นเหรียญ ทุกเหรียญส่งไปให้คนไทย จะเอาคืนหรือเปล่า หรือคิดว่าตนยักยอก ทำบุญแล้วอย่าล้วงคืน มันบาป ตนไม่ต้องการอะไรจาก พ.ต.ท.ทักษิณ วิ่งจะให้โน่นนี่หรือให้ตนซื้อของให้ ตนปฏิเสธอยู่ตลอดเพราะไม่ต้องการเหล่านี้ และพอกินพอใช้