เปิดศึกป๋าเปรม เดิมพันสุดท้ายทักษิณ

สร้างปฏิกิริยาสะเทือนสังคมไม่น้อย กลยุทธ์ "วิดิโอลิงก์" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศจะเปิดเผยข้อมูลทุกที่ทุกเวลาที่ "กลุ่มคนเสื้อแดง" จัดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ยุทธวิธีนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ผลพอสมควร ทำให้การเมืองไทยเริ่มกลับมาสั่นคลอนอีกครั้ง

ถือเป็นความพยายามเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังวางแผน "ล้มระบอบทักษิณ" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พุ่งเป้ามาที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และตุลาการระดับสูงหลายท่านที่เข้าร่วม "ถกลับสุดยอด" ที่บ้านสุขุมวิทของนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้ที่ถูกอ้างเป็นหนึ่งใน "คนจ้องล้ม" รัฐบาลทักษิณ

นอกจากนี้ "วิดิโอลิงก์" ค่ำวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณยังออกมาแฉถึง "ตัวการใหญ่" ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง นั่นคือ "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งฉายาให้เป็น "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ"

อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็มิได้สะเทือนและยังคงยืนยันว่า "ข้อมูลซีกเสื้อแดง ไม่เป็นจริง"

โดย พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี ระบุว่า "ไม่สนใจคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหา พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร และเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พล.อ.เปรมยังมีความเข้มแข็งและหนักแน่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เคยย่อท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น พล.อ.เปรมรักประชาชนไม่เคยคดโกงทุจริตต่อชาติบ้านเมือง บูชาสถาบันเหนือยิ่งสิ่งอื่นใด ดังนั้น ไม่ต้องห่วง พล.อ.เปรมรับได้ การที่ไม่ออกมาตอบโต้คำกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่าเรื่องไม่ได้เป็นความจริง พูดไปเรื่อย ถ้าไม่ใส่ใจก็จบ"

ขณะที่ พล.อ.สุรุยทธ์ชี้แจงว่า "ผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะวางแผนการทำรัฐประหาร ถ้าจำไม่ผิด การพบปะครั้งนั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 โดยที่นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เชิญไปพบ ก็ไม่ได้มีการเตรียมการมากมาย เพราะในช่วงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไป ในฐานะที่ผมเองต้องติดตามข่าว ก็จำเป็นต้องพบปะพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง หากท่านติดตามสถานการณ์ จะเห็นว่าขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่อาจจะเรียกว่า เป็นเรื่องของตุลาการในการเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ในวันนั้นผมก็มีความตั้งใจเพียงฟังข้อคิดเห็นจากฝ่ายตุลาการระดับสูงเท่านั้น"

แม้ข้อมูล พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นข้อมูลเดิม แต่นำมาเล่าใหม่ ด้วยความที่ "ต่างที่ต่างเวลา" และเพิ่มข้อมูลที่ไม่เคยพูดชัดเจนที่ไหน

โดยเฉพาะการออกมาท้าชน พล.อ.เปรมว่า "เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ...และ "การกระทำใดที่ไม่ใช่หน้าที่ขององคมนตรี ย่อมถือเป็นการกระทำโดยส่วนตัว"

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังหมายรวมถึง พล.อ.สุรยุทธ์เช่นกันที่มีฐานะเป็นองคมนตรี แต่มาร่วมรับฟังและนั่งประชุมเรื่องการเมือง ดังนั้น "หากองคมนตรีมายุ่งการเมือง ก็ต้องพร้อมรับให้การเมืองเข้าไปยุ่งด้วย"

การเดินเกมการเมืองครั้งนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตั้งคำถามจากสังคมไม่น้อย เพราะเมื่อรู้ข้อมูลเหล่านี้มานานแล้ว แต่เหตุใดเพิ่งนำออกมาเปิดเผย โดยเฉพาะกำลังอยู่ในช่วงใกล้ที่จะมีการพิจารณา "คดียึดทรัพย์ 7 หมื่นล้าน"

โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เผยไต๋ถึงการต่อสู้ออกมาชัดเจน คือ 1.ให้ยุบสภา เพราะยังมั่นใจใน "ฐานเสียง" ว่า จะสามารถชนะเลือกตั้งได้ 2.แก้รัฐธรรมนูญใหม่ ด้วยข้ออ้างว่าที่มารัฐธรรมนูญไม่ชอบ และตัวบทบางมาตราเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ และสุดท้าย คือการยกเลิกคดีต่างๆ ที่ยังค้างคากันทุกฝ่าย นั่นรวมถึง "คดียึดทรัพย์" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย

นี่ถือเป็นการ "ต่อรอง" ทางการเมืองครั้งสุดท้ายเพื่อเสนอทางออกของประเทศ ไม่เช่นนั้นก็ต้องทนสภาพการ "ป่วนรายวัน" ของแกนนำเสื้อแดงในเมืองไทย และแกนนำเบอร์หนึ่งตัวจริงเสียงจริง

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อเสนอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนแอบแฝงไปด้วย "ผลประโยชน์" ของตัวเอง

และการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ก็ลากเอาประเทศเป็น "เดิมพัน" อีกครั้งหนึ่ง

แม้ว่ายุทธวิธี "แฉรายวัน" จะเป็นการนำ "เหล้าเก่า" มาบรรจุ "ขวดใหม่" และ "เพิ่มดีกรี" ความเข้มข้นเข้าไป

การประกาศสรรพคุณ "เหล้าเก่าในขวดใหม่" นี้ในทุกเวทีการเมืองที่เครือข่ายคนเสื้อแดงมารอรับฟังเรื่องเล่า "จากคนไกล" ว่าจะป้อนข้อมูลอะไรมาตอกย้ำ "เมมโมรี" ของเหล่าพลพรรค "คนรักทักษิณ"

การเดินเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณที่สาดกระสุนเข้าใส่ พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยกให้เป็น "แม่ทัพ-นายกอง" ของเหล่าผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ออกมาทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงระบอบ "อมาตยาธิปไตย" ที่เข้ามามีส่วนเดินเกมการเมือง

ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ "ทำลายความเชื่อถือ" ของจุดเริ่มการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ เวลานี้หรือไม่...