เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ที่ผ่านมา (30 มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ได้ส่งสัญญาณผ่านระบบวิดีโอลิงก์โฟนอินเข้ามาปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งที่ 3 หลังจากคืนวานนี้ งดการปราศรัย 1 วัน โดยครั้งนี้อดีตนายกรัฐมนตรีได้โจมตีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ได้พบกับนายกษิต ครั้งแรกสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แล้วไปร่วมประชุมเอเปคที่ประเทศอินโดนีเซีย ขณะนั้นนายกษิต เป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงจาการ์ตา ซึ่งโดยส่วนตัวเป็นคนที่หากไปที่ไหนแล้วทูตมาต้อนรับจะไม่เบียดเบียน แต่จะให้เงินใช้ตลอด
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกษิตมาพูดกับตนว่าเคยทำงานกับนายชวน หลีกภัย
เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยบอกว่า นายชวน ทำงานไม่เก่ง ไม่กล้าตัดสินใจ "ผมน่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าคนอย่างนี้ ไม่น่าเอามาใช้ อยากจะเขกกบาลตัวเองว่าเอามาใช้ทำไม" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว ก่อนกล่าวไปต่อว่า จากนั้น ก่อนที่ตนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปประเทศเยอรมนี นายกษิต เป็นเอกอัครราชทูตประจำเยอรมนี มาต้อนรับ ตนก็ให้เงินใช้ตามเคย ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายกษิต ขอร้องให้เรียกตัวมาช่วยราชการที่หน้าห้องนายกรัฐมนตรี ตนเห็นว่าเป็นทูต จะมาช่วยราชการ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง นายกษิต เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้น ขอเป็นทูตประจำกระทรวง แล้วมาช่วยราชการหน้าห้องนายกรัฐมนตรี
"ผมไม่เคยเรียกใช้เลย เขียนรายงานนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เคยอ่าน" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และว่า ตนเป็นคนขี้สงสาร จะเอานายกษิต ไปเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คนก็ไม่ยอมรับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นี่ไม่รับเลย จึงให้ไปเป็นทูตประเทศใหญ่ คือ ญี่ปุ่น ซึ่งใหญ่รองจากสหรัฐอเมริกา เมื่อตนเดินทางไปญี่ปุ่นก็ให้เงินใช้เหมือนเดิม ต่อมานายกษิต เหลืออีกอายุราชการ 1 ปีตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศสหรัฐอเมริกาว่าง จึงส่งเสริมให้ไปอยู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเดือนสุดท้าย ก.ย.ก่อนเกษียณ ตนไปอเมริกากับนายสุรเกียรติ์ ปรากฏว่า นายสุรเกียรติ์ กับนายกษิต ศรศิลป์ไม่กินกัน พอกลับมาประเทศไทย วันสุดท้ายก่อนเกษียณ นายกษิต กลับให้สัมภาษณ์ด่าทั้งตนและนายสุรเกียรติ์
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตอนหลังจึงทราบว่า นายกษิต อยากเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่นายกษิตเข้าใจว่าที่นายสมคิดไม่แต่งตั้ง เพราะตนขัดขวาง จึงโกรธ นี่คือนายกษิต ที่เป็นผู้ที่เข้าไปบุกยึดสนามบินแล้วมาเป็นรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ "ถ้าจะมาเอาพาสปอร์ตคืน ตามมาเลย เชิญ เล่มละพันกว่าบาทคืนไปได้เลย แต่อย่าเอาหัวใจความเป็นคนไทยออกจากผม ไม่มีปัญญาก็แล้วกัน" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว