ราชนิกูลหนุนขอพระราชทานนายกฯชั่วคราว

ราชนิกูลหนุนขอพระราชทานนายกฯชั่วคราว

หมอมงคลเป็นตัวแทน นักวิชาการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ศิลปินแห่งชาติ นักวิชาการและราชนิกูล 95 คน ยื่นฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการ ขอพระราชทานแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชั่วคราว ทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย "ทักษิณ" ยุบสภาไม่มีเหตุอันควร

วันที่ 5 มี.ค.เวลา 10.30 น. น.พ.มงคล ณ สงขลา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายวีระวัฒน์ ชลายน อดีตผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี ดร.วุฒิพงศ์ เพรียบจริยวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการสถาบันสหสวรรษ

นางนิตยา จันทร์เรืองมหาผล ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และอดีตโฆษกกระทรวงสาธารณสุข หม่อมราชวงศ์ ยงยุพลัษณ์ เกษมสันต์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬา นายสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ นายคมสันต์ โพธิ์คง และนายพีระภัทร์ เสรีรังสรรค์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

เป็นตัวแทนของกลุ่ม นักวิชาการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ศิลปินแห่งชาติ นักวิชาการและราชนิกูลจำนวน 95 คนเพื่อยื่นฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชั่วคราว เพื่อทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญและให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ภายหลังเข้ายื่นฎีกาแล้ว นายพีระภัทร์ กล่าวว่า ตามฎีกาได้ยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ มีเนื้อหาสรุปว่า ตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทำการยุบสภา โดยไม่มีเหตุอันควร ที่ถือธรรมเนียมปฏิบัติตามครรลองของระบบรัฐสภา

การกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการทำลายระบบรัฐสภาแล้ว ยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก โดยมีประชาชน มาชุมนุมมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งกลุ่มบุคคลผู้หวังดีต่อประเทศชาติหลายกลุ่มเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก แต่ก็ไม่เป็นผล พ.ต.ท.ทักษิณกลับสั่งให้มีการระดมประชาชนเพื่อมาสนับสนุนตัวเองโดยไม่ใส่ใจต่อคำเรียกร้องของประชาชน

นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านก็ได้ตกลงร่วมกันไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งกรณีดังกล่าวจะทำให้พรรคไทยรักไทย กลายเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวในสภา ประชาชนก็จะออกมาต่อต้านมากขึ้น ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู่สภาวการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อชาติ

นายพีระภัทร์ กล่าวด้วยว่า ตามหนังสือฎีกา กลุ่มที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกา 95 คน ได้แสดงความเห็นว่า สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันนี้จะไม่มีทางออกใดนอกจากการขอพระราชทาน พระบรมราชวินิจฉัยนำจารีต ประเพณีการปกครองตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ 2540 มาใช้เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีรัฐบาลชั่วคราว ทำหน้าที่แก้ไข รธน. ได้ดูและการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นกิจกรรมทางการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยใหม่ โดยพรรคการเมืองทุกพรรคจะได้มีโอกาสในการแข่งขันอย่างเท่าเทียมและบริสุทธิ์ ยุติธรรม

นายพีระภัทร กล่าวอีกว่า ในการยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ ได้ยื่นโดยตรงต่อสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ผู้อาวุโส ของสำนักราชเลขาธิการเป็นผู้รับฎีกาเพื่อนำความกราบบังคมทูล ต่อไป

นพ.มงคล กล่าวว่า แม้ในเนื้อหาฎีกา จะไม่ได้ขอให้นายกฯลาออก แต่ตามนัยยะที่จะขอให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชวินิจฉัยนำมาตรา 7 มาใช้ ก็ย่อมจะแสดงท่ามวย ให้เห็นว่านายกฯควรจะต้องลาออก จากตำแหน่ง แม้จะไม่มีคำขอ โดยตรง ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน เราทุกคนเห็นแล้วว่า มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องและเกิดความแตกแยกของประชาชนมากขึ้น ซึ่งไม่ว่านายกฯ และรัฐบาลจะดำเนินการใด ๆ ก็ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้

ดังนั้นการถวายฎีกาขอนายกฯพระราชทานถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้เป็นปีที่สำคัญของประเทศไทย เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครอบ 60 ปี ซึ่งถ้าหากยังปล่อยให้มีความแตกแยกรุนแรงมากขึ้น ก็จะส่งผลไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะในปีมหามงคลนี้ประเทศได้เตรียมจัดเฉลิมฉลอง โดยจะมีพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดีและนายกฯประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมงาน การถวายฎีกาเพราะต้องการให้สถานการณ์ความรุนแรงและความขัดแย้งแตกแยกต่าง ๆ ของทุกกลุ่มได้ยุติลงเสียที

อดีตปลัด สธ.กล่าวยืนยันว่า การยื่นถวายฎีกา ไม่ได้กระทำเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เราต้องการให้ทุกฝ่าย ยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกต่าง ๆ และถึงขณะนี้หากกลุ่มบุคคลใด ยังจะออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมกันต่อไป ตนก็อยากฝากเตือนให้เป็นไปด้วยความสงบและมีเมตตาธรรม แสดงออกถึงความปรานีต่อกันด้วย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้การชุมนุม เป็นบ่อเกิดของความแตกแยกในสังคมอีก

ด้านนางนิตยา จันทรเรือง มหาผล อดีตโฆษกกระทรวงสาธารณสุข และผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่า ปัญหาความแตกแยกในสังคม จะทวีความรุนแรงต่อเนื่องต่อไป หากนายกฯ ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งการที่ตนลงชื่อร่วมถวายฎีกาประการสำคัญเพราะเชื่อว่า ความชอบธรรมของนายกฯที่จะดำรงตำแหน่งนั้น หมดสิ้นไปนานแล้ว รวมทั้งการแสดงออกทางคำพูดของนายกฯ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ขาดความน่าเชื่อถือ แล้วเช่นกัน โดยไม่ว่า นายกฯและรัฐบาลจะพูดหรือทำสิ่งใด ก็เสมือนเป็นการโกหกรายวัน

ขณะที่หม่อมราชวงศ์ยงยุพลักษณ์ เกษมสันต์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬา กล่าวว่า ขณะนี้ในกลุ่มราชนิกูล ได้ตื่นตัวและมีการพูดคุยแสดงออกถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันอย่างเข้มข้น ซึ่งมีราชนิกูลหลายคน ที่มีความเห็นเช่นเดียวกับตนว่า ทางออกที่ดีที่สุด คือการขอพระบรมราชวินิจฉัยโปรดเกล้าฯนายกพระราชทาน เพื่อจะให้มีรัฐบาลชั่วคราวมาแก้ไขรัฐธรรมนุญและก่อให้เกิดการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายต่อไป ซึ่งตนเกิดเป็นคนไทย และอยู่ในเมืองไทย เมื่อเกิดสถานการณ์ความแตกแยกในประเทศแล้ว จึงคิดที่อยากจะตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ ซึ่งตนเชื่อว่าการถวายฎีกา จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและปัญหาคลี่คลายลงได้

ด้านนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กล่าวว่า ส่วนตัว ไม่เคยเชื่อว่า การที่นายกฯสั่งยุบสภา และให้มีการเลือกตั้งใหม่ จะยุติปัญหา ในความแตกแยกทางสังคมได้ ซึ่งหากนายกฯยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปทั้งที่ขาดความชอบธรรม ก็ย่อมจะส่งผลให้ความรุนแรงในบ้านเมืองมีเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน ดังนั้น เวลานี้นายกฯ ยังไม่ยอมตัดสินใจลาออก หนทางที่ดีที่สุด ก็คือการยื่นถวายฎีกาขอนายกฯพระราชทาน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์