เชื่อแม้วเคลื่อนไหวหวังอยากคัมแบ็ค เมื่อวันที่ 30 มี.ค. พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวพาดพิง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อยู่เบื้องหลังการทำปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ว่า พล.อ.เปรม ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่หากนำไปขยายจะไม่จบ
ตอนนี้ต้องให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน ไม่อยากออกความเห็นอะไร ทั้งนี้ตนไม่เข้าใจว่าทำไมยุคนี้ถึงได้นำสถาบันองคมนตรีมาโจมตี อย่างไรก็ตามต้องให้เวลา และความจริงเป็นเครื่องตัดสิน เราคงไปห้ามไม่ให้ใครพูดไม่ได้ ที่ผ่านมาคนไทยไม่เคยเป็นแบบนี้ และไม่เคยมีสภาพเป็นแบบนี้ และไม่เคยดึงองคมนตรีมาโจมตีทางการเมือง
ตนเห็นว่าคนที่ไม่พอใจอะไรแล้วมาพูดประกาศหาว่าตัวเองถูกไปหมด เรื่องนี้ต้องให้สังคมตัดสินใจ แต่ถ้าหากสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ บ้านเมืองก็จะเกิดความยุ่งยากไม่มีวันจบ
ด้านนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม กล่าวว่า พล.อ.เปรม จะไม่มีการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กล่าวหาว่า
พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังในการทำปฏิวัติรัฐประหาร เพราะฟ้องไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลพิจารณายังไม่ได้เดินทางมารับโทษ หากฟ้องร้องคดีก็จะไปคาราคาซังอยู่ที่ศาลอีก อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งพูดเท่าไหร่ก็เข้าตัวมากเท่านั้น
“พล.อ.เปรม โดนมาหนักกว่านี้มาก ตอนนี้ท่านไม่ได้วิตกกับการถูกโจมตี แต่ท่านเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง และประชาชนมากกว่า เพราะหวั่นว่าจะเกิดความขัดแย้งมากขึ้น ดังนั้นอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทบทวนการกระทำ เพราะยิ่งโฟนอินโจมตีคนนั้นคนนี้จะยิ่งเป็นการทำลายชาติบ้านเมือง”
นายทหารคนสนิทกล่าว
และว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ น่าจะมีเงื่อนงำเพื่อต้องการหวังคืนอำนาจของตัวเอง เพราะตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำรงแหน่งนายกรัฐมนตรี 5-6 ปี ได้สะสมบารมีไว้มาก แต่เมื่อวันหนึ่งอำนาจที่มีอยู่ถูกลบก็คงรับไม่ได้ ตอนนี้จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อต้องการอำนาจคืนเท่านั้น