คมชัดลึก :“กษิต”ประกาศลั่นขอลุยล่า“แม้ว”ด้วยตัวเอง เผยสัปดาห์หน้าเตรียมเดินทางไปดูไบ พร้อมปลุกคนไทยถึงเวลาสู้ “สาทิตย์”ย้ำชัดมีขรก.สมรู้ร่วมคิด ช่วยวีดีโอลิ้งค์ถ่ายทอดฉลุย
(29มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ช่วงบ่ายได้การจัดกิจกรรมพิเศษ โดยเปิดโอกาสให้รัฐมนตรี พบ กับสมาชิกพรรค และภาคประชาสังคม เพื่อให้สอบถามแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละกระทรวง ตามความสนใจของภาคประชาสังคม โดยมีรัฐมนตรีในโควตาของพรรค เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายกษิตย์ ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย มาคอยตอบข้อซักถามของสมาชิก โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่พิธีกร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงหนึ่งภาคประชาสังคมให้ความสนใจสอบถามนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายกษิต กล่าวตอบคำถามสมาชิกพรรค ที่ตั้งคำถามว่า เมื่อไหร่จะนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับมาจัดการเสียที ว่า ขณะนี้ได้แจ้งไปสถานทูตทั่วโลกแล้ว และได้พูดเป็นการภายในกับทูตต่างๆ ว่าเราจะมีความไม่บายใจมาก หากประเทศเหล่านั้นปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศเขาเป็นเวทีโจมตีประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้ประสานกับอัยการสูงสุด เพื่อแจ้งกับรัฐบาลต่างประเทศ ว่าถ้ารู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ก็จะมีการดำเนินการขอส่วนตัวกลับมาดำเนินคดี ถ้าได้มีข้อตกลงร่วมกัน
ล่าสุด อัยการสูงสุด ได้มีคณะไปฮ่องกงเพื่อเริ่มเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยังตกค้างกันอยู่แล้ว และในสัปดาห์หน้า เราจะมีคณะไปที่ดูไบ เพื่อแจ้งความในใจให้เขาทราบ เพราะมีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณมักใช้ที่ดังกล่าวเป็นที่ปฏิบัติการ
นายกษิต กล่าวอีกว่า ส่วนการยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทางกฤษฎีกาได้มีหนังสือแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้ถามไปยังกฤษฎีกา ว่า ถ้ามีการยกเลิกพาสปอรต์เล่มสีน้ำตาล จะเป็นการกระทบสิทธิของพ.ต.ท.ทักษิณในการเดินทางหรือไม่ แต่ทางกฤษฎีกาบอกว่าไม่รับตีความ เพราะเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนก็แจ้งให้นายกฯทราบแล้ว
“ผมขอเปิดใจว่า วันนี้เป็นการต่อสู้ของ 2 อุดมการณ์ คือ เราต้องการมีประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ แต่อีกฟากไม่ต้องการมีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการให้มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ถึงเวลาที่เราต้องออกมาแล้ว เพราะวันนี้มันเป็นเรื่องความอยู่รอดของสิ่งที่เราอยู่กันมานายหลายร้อยปี เราต้องสู้แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการชิงอำนาจทางการเมือง วันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง ที่มีกลุ่มบุคคลที่พยายามดำเนินการบางอย่าง ก็ขอฝากประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในที่นี้ด้วยให้ช่วยกัน แต่วันนี้ผมพร้อมจะลุยเองในเรื่องนี้” นายกษิตกล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ในด้านการต่างประเทศ เราได้ดำเนินการผ่านนักการทูตต่างๆ ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบัน รวมถึงนโยบายรัฐบาล และตั้งแต่นายกฯ ไปพูดที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ก็มีบทความสื่อต่างประเทศนำเสนอในทิศทางที่มีความเข้าใจมากขึ้น ทำให้บัดนี้ ความเชื่อถือของนายใจ อึ้งภากร ไม่เหลือแล้ว
นอกจากนี้สมาชิกพรรคยังได้ถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายอภิสิทธิ์ได้มอบให้นายสาทิตย์เป็นผู้ตอบแทน โดยนายสาทิตย์กล่าว ว่า รัฐบาลได้มีการจับตาทั้งการโฟนอินและวีดีโอลิงค์อย่างใกล้ชิดว่าวิธีการที่ใช้ถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่า คนที่ดำเนินการมีคนที่เป็นข้าราชการรวมอยู่ด้วย ซึ่งก็ต้องดูว่า มีการใช้เวลาหรืองบราชการหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังติดตามอยู่ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะเขาให้หลายวิธีการมาก บางวิธีก็เลี่ยงกฎหมายที่ว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะคนที่ทำมีความเชี่ยวชาญและใช้หลากหลายวิธีมาก เพราะทราบกันดีว่า เขาเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี แต่ในเนื้อหาสิ่งที่รัฐบาลกังวล คือ จะไปกระทบบุคคลที่อยู่นอกการเมือง
“คนหนึ่งพยายามพูดความแค้นเก่าที่ฝังอยู่ พูดปลุกระดมโดยใช้ข้อเท็จ แต่เราจะไม่เอาเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมือง มาเป็นผลกระทบการทำงานแก้วิกฤตให้ประเทศ แน่นอนแฟนพันธุ์แท้เรา คงอึดอัดใจ ว่าทำไม่ไม่เราไม่โต้ หรือซัดไป แต่ถ้าเราอดทน แล้วจัดการอย่างรอบคอบ เราก็จะผ่านไปได้ ” นายสาทิตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้มีสมาชิกพรรคและภาคประชาที่มาร่วมการสัมมนาให้ความสนใจและซักถามนโยบายของรัฐบาล ทั้งเรื่องที่ดินทำกิน การขยายฐานผู้ได้รับสิทธิ์ประกันตน รวมทั้งปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ ได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกและภาคประชาสังคมว่าจะเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย