วันนี้ (27 มี.ค.) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โฟนอินพาดพิง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณ 19 ก.ย.2549 ว่า เป็นเรื่องจริง ที่ว่าเขาไม่เคยเชิญตนเข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของบ้านที่ย่านสุขุมวิท เชิญตนเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งประชุมกัน 3-4 ครั้งว่า จะให้รัฐบาลล้มไปอย่างไร โดยมี 2 แนวทาง คือ ทางด้านรัฐธรรมนูญ หรือ ทางด้านกฎหมาย ถ้าแนวทางแรกไม่สำเร็จก็จะทำรัฐประหาร
เมื่อถามว่า หลังทำรัฐประหารได้พูดหรือไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดถึง
เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ เสนอขึ้นมาว่า การทำครั้งนี้เพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้องไม่หวังตำแหน่งใด ๆ ซึ่งทุกคนศรัทธาในตัวท่านมาก ซึ่งการหารือเป็นลักษณะโต๊ะกลม แต่ไม่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นั่งร่วมด้วย เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ระบุว่า ท่านไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ คมช. เชิญให้ไปเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คงต้องไปถามท่าน ตนเดาใจไม่ถูก เพราะทุกคนงงหมด ตนเองก็งง เมื่อถามว่า แสดงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนล้มรัฐบาล พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า จะพูดว่าตัวตั้งตัวตีคงไม่ได้ แต่การประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ จะมาร่วมด้วยทุกครั้ง มีการพูดถึงแนวทางล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด ซึ่งพล.อ.สุรยุทธ์ เสนอในที่ประชุมว่า การทำงานครั้งนี้ เราทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องไม่หวังตำแหน่งลาภยศใด ๆ
“หลังจากที่ปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พวกเราผิดหวังมาก ตอนแรกก็ชื่นชมเกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าว พูดง่าย ๆ พล.อ.สุรยุทธ์ เสียสัจจะกลายเป็นคนไม่มีสัจจะ และผิดมติในที่ประชุม แต่กลับมาอ้างว่าได้ประชุม ได้คุยกัน ซึ่งถือว่า เป็นการผิดมติในที่ประชุม ซึ่งในการพูดคุยในวันนั้นมีประมาณ 6-7 คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งนั้น จากนั้นตนไม่ได้พูดจากับ พล.อ.สุรยุทธ์ อีกเลย เจอหน้ากันก็ทำเหมือนคนไม่รู้จักทั้งๆที่เขาเคยเป็น ผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นนายทหารรุ่นน้องสมัยที่ตนเป็น ผบ.ค่ายสฤษดิ์เสนาซึ่งพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้บังคับหมวด” พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่า ในการพูดคุยมีการวางแผนอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า อย่างแรกคือการวางแผนทางด้านกฎหมาย และการทำรัฐประหารว่า จะทำอย่างไร
ซึ่งการที่ตนไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านทราบแผนการหมดแล้ว แต่ถามตนในลักษณะใช่หรือไม่ใช่ ยกตัวอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ เล่าให้ฟังคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ พล.อ.สุรยุทธ์ เชิญ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. ไปพบที่บ้านของพล.ต.จำลอง ย่านราชวัตร และล็อบบี้ให้ พล.อ.จาตุภัทร ถอนตัวออกจาก กกต. เพื่อล้มการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่ง พล.อ.จารุภัทร รายงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทราบ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไปหา พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ทำเนียบองคมนตรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ กลับปฏิเสธ
“เรื่องแบบนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานกกต.ก็เคยได้รับเชิญไปที่บ้านสุขุมวิท เพื่อไปพบ พล.อ.สุรุยุทธ์ และ ล็อบบี้ให้ลาออกออกจากตำแหน่ง และล้มการเลือกตั้ง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความลับ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีตั้งแต่ต้นว่า จะมีการล้มรัฐบาล เพราะติดตามเคลื่อนไหวทั้งหมดเพียงแต่มาสอบถามผมว่า เรื่องที่รู้มาจริงหรือไม่ เมื่อครั้งที่ผมเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศจีน” พล.อ.พัลลภ กล่าว