เนวิน ท้าพิสูจน์เลือดประชาธิปไตยในไทยรักไทย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2549 13:55 น.
ยี้ห้อย ท้าพิสูจน์กรีดเลือดประชาธิปไตยไทยรักไทย - สวนกลับ ปชป.ทำตัว อนาธิปไตย ไม่ฟังเสียงส่วนมากแต่มักอ้างประชาธิปไตย ตอกคืน ธีรยุทธ มีแค่ 1 เสียงไม่อยากฟัง
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเนวิน ชิดชอบ รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อดีต 3 พรรคฝ่ายค้าน ยังยืนยันที่จะคว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งว่า เรื่องนี้พรรคฝ่ายค้านจะต้องมองอนาคตเป็นหลัก อย่ามองอดีตเป็นหลัก และต้องเคารพการตัดสินในของประชาชน อย่าไปคิดว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ไม่มี ส.ส.ในสภาจะไม่มีความหมาย เพราะในอดีตพรรคความหวังใหม่ ก็เคยมี ส.ส.เป็น 100 เสียง พรรคกิจสังคมก็มีอดีตมายาวนาน ส่วนพรรคไทยรักไทยก็เริ่มต้นจากศูนย์ ทุกพรรคเป็นไปตามวัฏจักรของสังคม เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าจะนับอดีตก็ต้องย้อนไปนับอดีตทั้งหมด อย่านับอดีตเพียงแค่ก่อนการยุบสภามันไม่ยุติธรรมต่อพรรคการเมืองอื่นที่จดทะเบียนก่อตั้งพรรค
ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่น่าเชื่อถือและไม่มีหลักประกันว่าเมื่อรัฐบาลเข้ามาแล้วจะปฏิรูปการเมืองภายใน1 ปี จากนั้นจะยุบสภาตามสัญญานั้น สังคมไทยไม่ได้มีคนแค่ใน 3 พรรคเท่านั้นที่คิดจะทำ แต่คนไทย 63 ล้านคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ฉะนั้นจึงต้องเคารพเสียงของคนอื่นที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาวิเคราะห์ทางการเมืองว่า นายกฯ อยู่ในฐานะที่ชะตาขาดทางการเมือง นายเนวิน กล่าวว่า เป็นเพียงความคิดเห็นของ 1 คะแนนเสียง ของคนใน 63 ล้านคน ถ้าเราจะฟังคนแค่ 1 คนก็ต้องคิดว่าคนที่มีความเห็นแตกต่างทั่วบ้านทั่วเมือง บอกว่าไม่ใช่เราจะว่าอย่างไร อย่าลืมว่าเรามีสิทธิความเป็นคนไทยเท่ากัน ไม่ว่าจะมีความรู้สูงขนาดไหน มีสถานะทางสังคมอย่างไรก็ต้องเท่ากัน เราต่างกันแค่หน้าที่ แต่สิทธิการแสดงความคิดเห็นเท่ากัน หรือเราจะยอมรับว่าสังคมประเทศนี้มีความไม่เท่าเทียมกันในการแสดงออกและแสดงความเห็น
เมื่อถามว่า นอกจากนายธีรยุทธแล้วยังมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาเสนอแนะว่านายกฯ ควรจะตัดสินใจลาออกเพื่อเสียสละและยุติความวุ่นวาย นายเนวิน กล่าวว่า เราย้ำหลักการประชาธิปไตยรัฐบาล พร้อมรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย แต่มีส่วนหนึ่งที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นควรให้นายกฯ เดินตามกติกา
คนที่อ้างมีจิตวิญญาณประชาธิปไตย ก็ต้องพร้อมที่จะรับฟังความเห็นที่แตกต่างเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นอย่ามาอ้างว่าตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย พวกที่บอกว่าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงต้องการปฏิรูปทางการเมือง แต่ไม่ยอมรับฟังความเห็นที่แตกต่าง ถามว่าวิธีแบบนี้จิตวิญญาณใช่ประชาธิปไตยหรือไม่ หรือว่าเป็นอนาธิปไตย วันนี้เป็นพัฒนาการหนึ่งที่จะพิสูจน์ว่าคำว่าประชาธิปไตยกับอนาธิปไตยในความเห็นของสังคมและผู้รู้ในสังคมมีเส้นแบ่งอย่างไร สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้จะทำให้ประชาชนในประเทศได้เห็นว่าคนที่พูดถึงประชาธิปไตยแต่ปฏิบัติตัวแบบอนาธิปไตยใช่นักประชาธิปไตยหรือไม่ การคิดกับพูดและทำมันต้องเหมือนกัน ในอดีตถ้าจำไม่ผิด พรรคประชาธิปัตย์ เอาคำว่าอนาธิปไตยมาใช้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2535/2 จนทำให้พรรคพลังธรรมเกือบไม่เหลือ วันนี้จึงต้องมาพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่เป็นประชาธิปไตย นายเนวิน กล่าว