คมชัดลึก :ทักษิณดีโอลิ้งก์กับม็อบเสื้อแดงด้วยชุดเสื้อสีชมพูโดยมีดอกไม้ตั้งบนโต๊ะ เริ่มด้วยการขอบคุณแท้กซี่ที่ช่วยคนมาร่วมชุมนุม หลังจากนั้นได้เปิดเผยผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือ "ป๋าเปรม" และมีพล.อ.สุรยุทธ์เข้ามายุ่งด้วย พร้อมเสนอทางออกยุบสภา-แก้รธน.-ยกฟ้องทุกคดี ส.นักข่าวฯแจกปลอกแขนสื่อฯรายงานข่าวม็อบเสื้อแดง
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 27 มี.ค.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงก์ต่อผู้ชุมนุมเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 27 มีนาคม โดยมี นายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มโฟนอิน นายวีระได้อ่านรายงานข่าวทางเว็บไซต์ นสพ. "คม ชัด ลึก" ซึ่งอ้างอิงบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน. ที่ให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในผู้วางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ลาออกจากองคมนตรี เพราะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวทักทายกลุ่มผู้ชุมนุม โดยระบุว่า สาเหตุที่ไม่โฟนอินเข้ามาในคืนวันที่ 26 มีนาคม เนื่องจากในคืนเดียวต้องเดินทางถึง 3 ประเทศ
และที่มาพูดในคืนนี้ (27 มี.ค.) เพื่อต้องการหาทางออกให้กับประเทศ ให้กับลูกหลานไทยในท่ามกลางความขัดแย้ง และอยากให้ประเทศมีประชาธิปไตยที่แท้จริง มีความยุติธรรมกลับคืนมาอีกครั้ง เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสดีๆ ไปมากมาย ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นของตนที่หันไปลงทุนประกอบเครื่องบินที่เวียดนามแทน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงบทเรียนที่เจ็บช้ำของประเทศไทยที่เกิดจากการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะจบ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะคนไทยไม่พูดความจริง มัวแต่เกรงใจกัน แต่วันนี้จะต้องมาพูดความจริงกันให้ชัดเจน จะมาเกรงใจกันไม่ได้อีกต่อไป
พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า สิ่งที่เขาจะพูดถึง คือ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปี 2547 มีการรวมตัวกันเล็กๆ ที่ท้องสนามหลวง
มีสหภาพการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มี นายเอกยุทธ (อัญชันบุตร) มี นายประชัย (เลี่ยวไพรัตน์) แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ต่อมาในปี 2548 พอพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง 377 เสียง ในปี 2548 ทำให้รัฐบาลแข็งแรงเกินไป ฝ่ายค้านอ่อนแอเกินไป และเกิดการรวมตัวของพันธมิตรของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สวนลุมพินี โดยการเอื้อเฟื้อของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. และพรรคประชาธิปัตย์
พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า "มีองคมนตรีบางท่านบอกสื่อว่า ไม่เอาผมแล้ว ไปพูดให้สื่อตี สื่อก็รับสารภาพตรงนี้ ซึ่งมีองคมนตรีบางคนเท่านั้น จากนั้นม็อบก็มีเส้น เอเอสทีวีได้รับความคุ้มครองจากศาลปกครองจนปฏิวัติแล้วก็ยังไม่เลิกคุ้มครอง ซึ่งผมก็ไปพูดกับข้าราชการที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กระตุ้นว่า ที่รัฐบาลทำงานไม่ได้ เพราะมีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ผมหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่ผมเกรงใจ ไม่กล้าพูดวันนั้น"