วันนี้ (26 มี.ค.) เวลา 15.30 น.ที่ศูนย์ปฏิบัติการติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุมกองบัญชาการนครบาล อาคารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ ได้เรียกประชุมหารือวอร์รูมของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) โดยมี รองผบช.น. และพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 เข้าร่วมหารือ โดย ผบช.น. ได้เรียกฝ่ายกฎหมายให้นำข้อกฎหมายมาพิจารณาดูเพื่อเตรียมดำเนินคดีกรณีผู้ชุมนุมได้ใช้เครนขนาดยักษ์ยกตู้คอนเนอร์ที่ทางตำรวจตั้งเป็นเครื่องกีดขวางไปทิ้งลงคลองเปรมประชากร
จากนั้น พล.ต.ท. วรพงษ์ เปิดเผยว่า จะไปประชุมที่บช.น.เพื่อพิจารณาปรับแผนเพื่อแก้ปัญหาหน้างาน
โดยยังยึดเรื่องการไม่ให้มีกากระทบกระทั่งกันเป็นสำคัญ ถ้าตำรวจจะคุ้มครองสิ่งกีดขวางที่กลุ่มผุ้ชมุนมยกออกไปก็ต้องมีการปะทะกัน ซึ่งตำรวจไม่ต้องการก็เลยยอม ซึ่งได้รายงานให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงแล้ว ซึ่งไม่ได้มีการสั่งการอะไรพิเศษ
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของการพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นกำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดูอยู่ว่าจะดำเนินคดีในข้อหาทำลายทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์
และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งเป็นลหุโทษ เพราะถนนเส้นนี้ได้มีประกาศของเจ้าพนักงานไปแล้ว ทั้งนี้ในการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลจะยังเข้มข้นเหมือนเดิม โดยจะไม่ให้มีการบุกรุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล ส่วนการชุมนุมในช่วงกลางคืนก็เป็นห่วงเรื่องมือที่สามอยู่แล้ว ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมเองก็ห่วงเช่นกันและช่วยกันระมัดระวัง ส่วนที่มีความพยายามยั่วยุเจ้าหน้าที่จะให้ใช้ความรุนแรงนั้น ทางตำรวจฝึกกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนว่า อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก โดยยืนยันว่า ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังสามารถเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้ จะพยายามอย่างสุดความสามารถ
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.กล่าวว่า เท่าที่มีการประเมินการชุมนุมในวันแรกยังไม่มีอะไรที่รุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมได้กระจายตัวกัน เป็นกลุ่ม ๆ
โดยพยายามเดินกันไปรอบ ๆ ทำเนียบฯเพื่อให้เห็นภาพว่า ปิดล้อมยึดทำเนียบฯได้ แต่ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะปิดทำเนียบฯทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้ประเมินตัวเลขผู้ชุมนุมถือว่าเริ่มต้นมากกว่าการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา โดยมีประมาณ 25,000-30,000 คน และคงจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ค่ำ ที่จะมีการะรดมมาเพิ่มเติมจากพื้นที่ปริมณฑลได้อีกประมาณหมื่นคน จึงเป็นไปได้ที่อาจมีผู้ชุมนุมได้ถึงไม่เกิน 40,000 คน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องมื่อที่สามที่จะแทรกตัวเข้าสร้างสถานการณ์ สำหรับการพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำลายทรัพย์สิน เพื่อยกสิ่งกีดขวางออกนั้น คงต้องดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยการทำให้เสียทรัพย์ ทำลายทรัพย์สินและการขัดคำสั่งเจ้าพนักงานนั้นเป็นลหุโทษ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน1,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
ตร.เล็งดำเนินคดีลหุโทษเสื้อแดงทำลายสิ่งกีดขวาง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ตร.เล็งดำเนินคดีลหุโทษเสื้อแดงทำลายสิ่งกีดขวาง
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!