พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)
ร่วมกับรองผบช.น. ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ. และผบก.จร. ว่า ยอดผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ณ เวลานี้อยู่ที่ประมาณ 15,000 คน หากรวมจากต่างจังหวัดที่ทยอยเข้ามาประเมินยอดอยู่ที่ 25,000 คน ประเด็นสำคัญที่เราได้เน้นย้ำกับกำลังพลคือให้ปฏิบัติอย่างนุ่มนวล พยายามดูแลกำลังพลไม่ให้เหนื่อยเกินไป ไม่ให้เครียด เป็นการอำนวยความสะดวกกับกำลังพล ได้ปรับแผนจากครั้งที่แล้ว จากผลัดละ 24 ชั่วโมง เป็น ผลัดละ 12 ชั่วโมง และเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดขณะยังไม่ปฏิบัติหน้าที่จะมีที่พัก เต็นท์ นอนเสื่อน้ำมัน มีพัดลม และโทรทัศน์ เพื่อไม่ให้เครียด ไม่ให้ใช้อารมณ์กับประชาชน ซึ่งความรับผิดชอบหลักอยู่ที่ตำรวจ ส่วนทหารมาในฐานะเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
“ตำรวจวางแผนควบคุมการปฏิบัติไม่ให้เกิดเหตุปะทะกัน ทั้งนี้เรายังเชื่อมั่นในตัวแกนนำกับผู้ชุมนุมซึ่งยืนยันทุกครั้งว่าจะชุมนุมโดยสงบถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และแกนนำก็ห่วงใยมือที่สามเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งได้เตรียมแผนรับมือการควบคุมฝูงชนไว้แล้ว ตามที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้ ให้ดำเนินการจากเบาไปหาหนัก เรานำประสบการณ์บทเรียนที่ผ่านมาพัฒนาในการปฏิบัติภารกิจ ส่วนมาตรการป้องกันเราจัดสายสืบเข้าไปสังเกตกลุ่มบุคคลที่ 3 ที่อาจพกพาอาวุธเข้ามา”ผบช.น.กล่าว และว่า จากการประเมินคาดว่าช่วงเวลาที่มียอดผู้ชุมนุมสูงสุดคือ 20.00-21.00 น. อยู่ที่ประมาณ 25,000 คน ส่วนจะยืดเยื้อหรือไม่มีหลายปัจจัยต้องประเมินสถานการชั่วโมงต่อชั่วโมง
ทั้งนี้พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เคยได้รับคำสั่งให้ตัดสัญญาณโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ให้ฝ่ายกฎหมายเฝ้าฟังและวิเคราะห์ข้อกฎหมาย ตลอดจนไม่มีการสกัดการเดินทางมาร่วมชุมนุมจากต่างจังหวัด เพียงแต่จะมีการตรวจค้นอาวุธสิ่งของผิดกฎหมายหรือยาเสพติด เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ตั้งด่าน ระดมกวาดล้างในช่วงที่ผ่านมาหลายครั้ง โดยรอบกรุงเทพฯมีด่านจุดตรวจค้นกว่า 200 จุด