อภิสิทธิ์ยืนยันไม่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน


นายกฯ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ " มั่นใจควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ ระบุ ไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ด้าน"สุเทพ” เชื่อประสบการณ์ตำรวจในการดูแลม็อบ ย้ำไม่เข้าไปแทรกแซง กดดัน หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะตัดสินใจเอง ในฐานะดูแลฝ่ายความมั่นคง แต่ถ้าจำเป็นต้องเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ



(26มี.ค.) ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงได้ โดยไม่ต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ยอมรับว่า จากข่าวที่ได้รับจากการข่าวในการชุมนุมครั้งนี้ จะเข้มข้มเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นรัฐพร้อมจะรับมือและจะตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้อดทนอดกลั้นเป็นพิเศษ หากถูกยั่วยุจากผู้ชุมนุม ขอยืนยันว่า จะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปด้วยความเรีบบร้อย


ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้เดินทางเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เส้นทางสะพานมัฆวานรังสรรค์ และเข้าทำเนียบรัฐบาลโดยใช้ประตู 7 จากนั้นนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์เรื่องการบัญชาการการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ว่า ไม่ใช่หน้าที่เรา เพราะถ้าเราเข้าไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยาก เราไม่ใช่คนที่มีความเก่งกาจอย่างนั้น จึงปล่อยให้เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่


เมื่อถามว่าการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้หนาแน่นกว่าครั้งที่แล้วหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่เตรียมการตามสถานการณ์ ตนเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่คงได้มีการประชุมและประเมินสถานการณ์ และมีรายงานด้านการข่าวว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ขนาดไหน และการเตรียมการควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่มีประสบการณ์ และเราต้องเคารพความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่

เพราะเขามีประสบการณ์ และเข้าใจสถานการณ์ดี รู้ว่าควรจะดำเนินการแค่ไหน อย่างไร ส่วนในอดีตที่เกิดความผิดพลาดนั้นเพราะฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง กดดัน มากเกินไป จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานผิดไปจากหลักการปกติ จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่กรณีของตนแค่ให้นโยบายไปกว้างๆว่า ต้องรักษากฎหมาย ขอให้เคร่งครัดในการรักษากฎหมาย ไม่ทำอะไรเกินเลยไปกว่าที่กฎหายกำหนด


ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า

ตนคงไม่วิเคราะห์ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ เพราะทางฝ่ายทหารก็วิเคราะห์ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็เหมือนกับสื่อมวลชนที่ติดตามสถานการณ์ ก็จะเห็นว่าฝ่ายที่ดำเนินการเขามีเป้าหมายและขั้นตอนที่ชัดเจน และพยายามยกระดับการเคลื่อนไหวให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ตนก็ยังไม่วิจารณ์อะไรในตอนนี้ แต่ว่าก็ต้องติดตาม ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องประเมินสถานการณ์ และต้องปรับขีดความสามารถ กระบวนการในการรับมือกับสถานการณ์ตามที่เขาเห็นสมควร


เมื่อถามว่าจะมีการสกัดกั้นการเคลื่อนขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า

ตนไม่คิดว่าจะมีการสกัดกั้นในความหมายนั้น แต่ว่าในส่วนที่ตำรวจดำเนินการ เท่าที่รายงานตน คือ ไม่ต้องการให้มีการนำวาอุธเข้ามา เมื่อถามว่าถ้ามีสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับการชุมนุม ใครจะเป็นผู้ตัดสินใจ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนดูแลเรื่องความมั่นคง ถ้าอยู่ในวิสัยที่ตนตัดสินใจเองได้ ตนก็จะดำเนินการ แต่ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงตนก็ต้องหารือกับนายกรัฐมนตรี หรืออาจจะขอนัดประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นพิเศษ แต่ก็ภาวนาว่าขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วิงวอนผู้ชุมนุมว่าเราคนไทยด้วยกัน แม้จะมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน แต่ก็มีวิธีอื่นในการต่อสู้ โดยไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ ตนไม่ได้เป็นศัตรูมาแต่ชาติปางก่อน  


เมื่อถามว่าการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารไว้มากขนาดนี้ เพราะประเมินว่าสถานการณ์จะรุนแรงใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะ ว่า “ ก็ไม่เบา แต่เราต้องเตรียมให้พร้อม ”


เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีการประเมินว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงมาบัญชาการเอง จะทำให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าไปอยู่ในวงประเมินด้วย วันนี้พวกตนส่วนหนึ่งก็เข้ามาทำงานเป็นรัฐบาล ส่วนที่อยู่ในพรรคจะพูดคุย ประเมิน ติดตามสถานการณ์ ก็ว่ากันไป เราไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย เมื่อถามว่าการที่เมื่อวานนี้

( 25 มี.ค.) สภามีการเคลื่อนไหวเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม จะเป็นเงื่อนไขต่อรองอะไรหรือไม่กับการที่ม็อบเสื้อแดงมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในช่วงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า

ก็ต้องติดตามดูไปก่อนว่าเขามีเป้าหมาย มีวัตถุประสงค์อย่างไร เราจะรีบไปบอกว่าเขายื่นกฎหมายนี้มาเพื่อต้องการต่อรอง ก็จะกลายเป็นว่าเราไปหาเรื่อง เมื่อถามย้ำว่าคิดว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกัน แต่จุดยืนของตนเห็นว่าการนิรโทษกรรมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ เพราะเป็นเรื่องของความผิดที่เกิดขึ้น และกระบวนการยุติธรรมได้ดำเนินการไปจนถึงที่สุดแล้ว ศาลได้พิพากษาแล้ว อยู่ๆจะเอาตัวแทนของประชาชนซึ่งเป็นเสียงข้างมากของเรา ไปช่วยให้คนทำผิดพ้นโทษ วันข้างหน้าก็จะมีปัญหาอีก เพราะไม่เป็นธรรมกับประชาชนโดยทั่วไปที่เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องรับโทษ เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล หรือมีอิทธิฤทธิ์ ที่จะสั่งให้ ส.ส.มาออกกฎหมายยกโทษให้ ดังนั้นโดยหลักจึงไม่น่าจะเป็นไปได้


ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะมี ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลร่วมลงชื่อสนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า

ยังไม่ได้คุย เพราะเรื่องเพิ่งเกิดขึ้น ก็ต้องดูกัน และเมื่อถึงเวลาก็ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เป็นธรรมดา เพราะเราอยู่ด้วยกัน ก็ต้องถามว่ามีความคิดเห็นอย่างไรในกฎหมายเหล่านี้ แต่ว่าสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนของ ส.ส.แต่ละคน ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค

เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่ากรณีของกฎหมายฉบับนี้จะทำให้เกิดความแตกแยกในรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลก็มีสมาชิกของกลุ่ม 111 อยู่ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า

ก็ไม่ต้องกังวลใจ ไม่มีอะไรที่จะเป็นชนวนความแตกแยกอย่างที่กังวลใจ เมื่อถามว่าคิดว่าต้องนั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าถึงเวลาตนก็ต้องนั่งคุยกับเขา เพื่อชั่งน้ำหนักว่าอะไรจะเป็นผลดีผลเสียกับประเทศมากกว่ากัน เพราะทุกพรรคการเมืองก็มีหน้าที่ช่วยกันแก้ปัญหา เหมือนกับที่ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศก็มีหน้าที่เหมือนกัน


เมื่อถามว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเจอศึกหลายด้าน มีตัวละครใหม่ออกมาหลายคน ล่าสุดก็คือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพ กล่าวว่า

“ ธรรมดาครับ เวลามีคลื่น มีลม มันก็ต้องอดทนกันหน่อย เอาว่าผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อถือคุณเฉลิม ดังนั้นข้อมูลที่มาจากคุณเฉลิมนั้นผมไม่เชื่อ พวกเราก็เห็นอยู่แล้วในสภา ถ้าผมพูดมากไปก็จะมาโกรธผมอีก ”



เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่าไม่เชื่อนั้นหมายถึงว่าไม่เชื่อว่า พล.ต.มนูญกฤตจะเอาข้อมูลไปให้ ร.ต.อ.เฉลิมใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า

ตนไม่เชื่อสักอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูด เพราะว่าส่วนใหญ่พูดไม่จริง   เมื่อ
ถามว่าตอนที่ พล.ต.มนูญกฤตออกจากพรรคไปนั้นเพราะเหตุผลอะไร นายสุเทพ กล่าวว่า ท่านก็โทรศัพท์มาถึงตนว่าอยากจะไปทำอะไรในแนวทางของท่าน เอาสั้นๆแค่นี้แล้วกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน จนถึงวันนี้ตนกับพล.ต.มนูญกฤตไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

เมื่อถามว่าแปลกใจหรือไม่ที่มีประเด็นเรื่องนี้ออกมา นายสุเทพ กล่าวว่า

ถ้าคนอื่นพูดตนอาจจะเซอร์ไพรส์   แต่นี่เป็น ร.ต.อ.เฉลิม ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยกับพล.ต.มนูญกฤต เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือยัง   นายสุเทพ กล่าวว่า ยัง เพราะถ้าตนเชื่อคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม ตนก็ต้องโทรศัพท์ไปถามพล.ต.มนูญกฤต แต่นี่ตนไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะโทรศัพท์ไปทำไม เดี๋ยวพล.ต.มนูญกฤตจะว่าตนว่าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ตนก็จะแย่หนักไปอีก


เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ประธานองคมนตรีพูดชัดเจนว่าให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและเชียร์ให้นายกรัฐมนตรีทำงานต่อ นายสุเทพ กล่าวว่า

ต้องกราบขอบพระคุณท่าน เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศมาตั้ง 8 ปี เคยแก้วิกฤติการณ์ของบ้านเมืองมาได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นแบบอย่างของคน ดังนั้นเมื่อท่านแสดงความชื่นชมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าเป็นมงคลกับนายอภิสิทธิ์ เราก็ต้องกราบขอบพระคุณท่าน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์