ยุทธศาสตร์แฉออนไลน์ ทักษิณจุดชนวนระเบิดพลีชีพ

ในที่สุดวันนัดหมายของ "คนเสื้อแดง" ชุมนุมใหญ่ 26 มีนาคมก็มาถึง

พร้อมกับประกาศจะทำสงครามยืดเยื้อที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นคำรบที่ 2 หลังจากครั้งก่อนมาปักหลักกันเพียง 3 วัน เพราะต้องการกลับไปสร้างเครือข่ายในพื้นที่ต่างๆ เพื่อยกระดับการชุมนุมใหญ่

ด้วยวิธีการ "ปะ-ฉะ-ดะ" ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โหมกระแส "เสื้อแดง" ด้วยการเปิดหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารรัฐบาลไทยรักไทย 19 กันยายน 2549 ไล่เรียงตั้งแต่ เหตุการณ์ลอบสังหารณ์ "คอร์บอม-คาร์บ๊อง"

จนล่าสุด มีการตั้งข้อหา "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" องคมนตรี ว่าเป็นผู้จุดเริ่มต้นการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณว่า "ไม่จงรักภักดี" จนกระทั่งมีการยึดอำนาจ

"ชาญชัย ลิขิตจิตถะ" องคมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา "จรัญ ภักดีธนากุล" ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ "อักขราทร จุฬารัตน" ประธานศาลปกครองสูงสุด และ "ปราโมทย์ นาครทรรพ" นักวิชาการอิสระ ชื่อเหล่านี้ถูกเปิดออกมาว่าไปคุยกับ "นาย พล.ส." เพื่อ "ใส่ร้ายป้ายสี" พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเจ้าตัววิดีโอลิงก์เล่าให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ ฟัง

หากพูดในมุมของบรรดา "คนรักทักษิณ" ต้องบอกว่าชื่อที่กล่าวถึงผู้ฟังไม่เซอร์ไพรส์เท่าใดนัก

เพราะถูกทำให้เชื่อมาแล้วว่าเป็นศัตรูอันดับต้นๆ ของ "ทักษิณ" แต่เมื่ออดีตนายกฯลงทุนต่อจิ๊กซอว์เชื่อมโยงตัวละครเป็นสตอรี่อย่างนี้แล้ว คงตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว นอกจากจะบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ..?? อย่างไรก็ดี ภาพของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ถูกพาดพิงเรียงหน้าออกมาชี้แจงตอบโต้ พร้อมกับแสดงความไม่สบายใจกับการเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯที่กำลังดำเนินการอยู่ ว่าจะนำไปสู่ "ความขัดแย้ง" ครั้งใหญ่ของผู้คนในสังคม ก็ก่อให้เกิดคำถามกับความพยายามปลุกม็อบของคนบางกลุ่มเช่นกัน

การท้าชนแบบไม่สนหน้าอินทร์-หน้าพรหม แน่นอนว่าสามารถสร้างความฮึกเหิมให้ "มวลชนเสื้อแดง" ได้ และสามารถปลุกให้พวกพ้องเสื้อแดงเดินทางออกจากบ้านมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 26 มีนาคมได้

แต่การปะ-ฉะ-ดะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เปิดหน้าสู้แต่รุนหลังให้คนเสื้อแดงออกหน้าแทน ในขณะที่ตัวเองยังล่องลอยอยู่ในต่างประเทศรอเพียงจังหวะโฟนอินปลุกระดมมวลชนเท่านั้น กำลังจะกลายเป็นดาบสองคม และกำลังหันมาทำร้าย "คนเสื้อแดง" เอง

เบื้องต้นการต่อสู้ของคนเสื้อแดงมุ่งเพื่อต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร และเรียกร้องประชาธิปไตยให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย ซึ่งคนเสื้อแดงก็ได้แสดงพลังมาแล้วเมื่อครั้งออกรณรงค์ใหญ่ทั่วประเทศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 จนเห็นฤทธิ์เดชคนเสื้อแดงมาทั้งประเทศแล้ว แต่มาคราวนี้ผู้คนในสังคมกำลังถูกทำให้เข้าใจว่าธาตุแท้ของคนเสื้อแดงก็คือการวางบทบาทเป็น "เครื่องมือ" ในการแก้แค้นส่วนตัวให้กับ "ทักษิณ" !!

"มวลชนคนเสื้อแดง" นั้นแท้จริง ประกอบไปด้วย 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย กลุ่มที่ 2.พวกไม่เอาพันธมิตร 3.ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อไทยแต่นิยมชมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่เอา "รัฐบาลอภิสิทธิ์" และ กลุ่มที่ 4.นักวิชาการและประชาชนที่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย โดยผู้คนจาก 4 กลุ่มนี้ได้มารวมตัวกันและเกาะกระแสรถขบวนประชาธิปไตยโดยไม่เคยสนใจว่าคนเสื้อแดงมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่

แต่เมื่อสถานการณ์พัฒนามาถึงจุดที่ "คนเสื้อแดง" กำลังยกระดับการต่อสู้จากขับไล่ รัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" มาเป็นการขับไล่ "องคมนตรี" ตั้งข้อสงสัยผู้คนที่อยู่ในกระบวนการศาลยุติธรรม เพราะมองว่าคนเหล่านี้เป็น "อริการเมือง" ของอดีตผู้นำ กลายเป็น "จุดเปลี่ยน" ที่กระตุกให้แนวร่วมกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยได้ใส่เกียร์ถอย และยุติการเคลื่อนไหวก่อนจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่ม

การประกาศ "แฉต่อเนื่อง" ในม้วนที่ 2-3 และ 4 ในเวทีการชุมนุมยืดเยื้อของเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมเป็นต้นไป ดึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนให้คล้อยตามและอยากฟังการโฟนอิน ถึงแม้จะคาดเดาไว้แล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องใหม่ และบุคคลที่จะถูกเอ่ยอ้างถึงคงไม่พ้นคนบ้านหลายเสา..??

แต่การหลุดปากพูดถึง "รหัสลับแห่งสวรรค์" เมื่อคราวพูดผ่านวิดีโอลิงก์ที่เวทีชุมนุม จ.เชียงใหม่

ทำให้หวาดหวั่นกันว่าตัวละครใหม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกล่าวอ้างว่าเป็นหนึ่งในผู้คนที่อยู่เบื้องหลัง "การปฏิวัติรัฐบาลไทยรักไทย" เป็น "มือที่มองไม่เห็น" ระดับสูงกว่า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าไม่เพียงแต่พ.ต.ท.ทักษิณจะทำลายตัวเอง และทำลายความศรัทธาของมวลชนคนเสื้อแดงเท่านั้น

ยังจะนำคนไทยเข้าสู่ภาวะล่อแหลมต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังที่ฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงไว้แล้วว่า จะพยายามและมีความจงใจที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การแตกหักให้จงได้...ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง !!