พท.ให้บทเรียนงูเห่า ดัดหลังเด็กเนวินฝากเลี้ยง

ปรากฏการณ์การลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี ที่มีเสียง "โนโหวต" จาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยในการลงมติไม่วางใจ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 8 เสียง และ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 6 เสียง

เป็นเครื่องยืนยันว่าในพรรคเพื่อไทยมี "กองทัพงูเห่า" จริง

หลังจากมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานานว่า "ไข่งูเห่า" ที่ "พ่องู" อย่าง เนวิน ชิดชอบ" หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ทิ้งไว้เป็น "สายลับ" ยังคงหลงเหลืออยู่ แม้ว่า "พ่องู" จะอพยพ "ลูกงู" จำนวนหนึ่งเลื้อยไปสังกัดรังใหม่ในนามภูมิใจไทยก็ตาม

และช่างเป็นเรื่องบังเอิญอย่างพอดิบพอดีที่เสียง "โนโหวต" ส่วนใหญ่เป็นการลงมติของ ส.ส.อดีตศิษย์เก่ากลุ่มเพื่อนเนวิน อย่างนายกิตติ สมทรัพย์ ส.ส.ร้อยเอ็ด นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ และ นายอดิศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ส.ส.สัดส่วน

แม้เสียง "โนโหวต" ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะมีเพียง 8 เสียง จากจำนวน 179 ส.ส.ที่เป็นผู้มีสิทธิลงมติในสภา ซึ่งถือเป็นคนกลุ่มน้อยในพรรคเพื่อไทย

และ ส.ส.หลายคนก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า เป็นเรื่องของความผิดพลาดในการลงคะแนน ข้อมูลไม่ถึงตัวรัฐมนตรี หรือเป็นเรื่องของบุญคุณส่วนตัวที่เคยมีต่อกันในอดีต โดยไม่เกี่ยวกับการถูกซื้อตัวด้วยตัวเลข 7 หลักตามที่มีกระแสข่าวออกมา

ทว่าคำชี้แจงเหล่านี้สำหรับ "บิ๊กเพื่อไทย" แล้วเป็นคำพูดที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการ "หักหน้า" พรรคเพื่อไทยอย่างมาก!!!

แต่ในอีกแง่หนึ่งถือเป็นประโยชน์ของพรรคเพื่อไทยเอง เพราะเป้าที่เคยลับๆ ล่อๆ วันนี้กลับปรากฏชัดเจนขึ้น ว่าใครเป็นใคร ซึ่งทำให้ง่ายต่อการกำหนดยุทธศาสตร์

ทว่าการมีสถานะเป็นพรรคการเมืองทำให้ต้องมีกฎระเบียบเพื่อกำกับวินัยของสมาชิก

ดังนั้นในระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทยจึงหารือกันเพื่อออกมาตรการ "ดัดหลังงูเห่า" ในหลายระดับ โดยเบื้องต้นจะใช้กระบวน การกดดันจากเพื่อน ส.ส.ในพรรคด้วยกันไม่ให้ร่วมสังฆกรรมกับบรรดา "งูเห่า"

ระดับที่ 2 จากนี้ไปการประชุมของพรรคทุกครั้ง จะแบ่งออกเป็น 2 วงคือ วงประชุมธรรมดาที่เป็นการพูดคุยสารทุกข์สุกดิบทั่วไป และวงประชุมในระดับความลับ ที่พูดคุยกันในเรื่องยุทธศาสตร์ของพรรค โดยวงประชุมดังกล่าวจะเปิดให้เฉพาะ ส.ส.ที่ตรวจดีเอ็นเอแล้วพบว่าเป็น "เลือดแท้" เข้าร่วมประชุมเท่านั้น เพื่อป้องกัน "งูเห่า" ไม่ให้เข้าถึงข่าวความเคลื่อนไหวของพรรค

ระดับที่ 3 พรรคเพื่อไทยจะสั่งตัดท่อน้ำเลี้ยงรายเดือนที่สั่งจ่าย ส.ส.ในพรรคเดือนละ 50,000 บาท

และระดับสุดท้ายคือการไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

โดยจะไม่มีการขับงูเห่าเหล่านั้นออกจากพรรค ไม่อย่างนั้นจะเข้าทาง กล่าวคือ เมื่อถ้าถูกขับออกจากพรรค จะได้ใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (7) ในการอุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน

ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของ ส.ส.เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง ส.ส.คนนั้นสามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ ทว่าเรื่องนี้จะไปโทษ ส.ส.กลุ่มดังกล่าวเพียงข้างเดียวไม่ได้ เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้น ตั้งแต่กระบวนการบริหารของพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในลักษณะ "ใจ" ซื้อ "ใจ" อย่างในสมัยพรรคไทยรักไทยที่มี "นายใหญ่" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำ

แต่อยู่ในรูปแบบ "นายจ้าง" ปกครอง "ลูกจ้าง" และมอง ส.ส.เป็นเพียงคนรับคำสั่งเท่านั้น ทำให้ ส.ส.บางส่วน "ไร้ความอบอุ่น" จนแอบหันไปปันใจให้กับพรรคการเมืองอื่นที่เปิดประตูรอท่าอยู่โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย

ยิ่งเวลานี้เริ่มมีทั้งกระแสและกระสุนเต็มที่ ขณะที่กระแสของอดีตผู้นำอย่าง พ.ต.ท. ทักษิณเริ่มจางลงทุกวัน

หากพรรคเพื่อไทยยังคงบริหารพรรคอย่างระบบศักดินาโดยไม่สนใจความรู้สึกของ ส.ส.ในพรรคและไม่ปรับแผนยุทธ ศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองอย่างถูกวิธี

"บิ๊กเพื่อไทย" คงจะต้องเตรียมใจไว้รับมือกับ "งูเห่า" อีกเป็นกองทัพที่พร้อมเลื้อยออกไปสู่หนทางที่ดีกว่า!!!


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์