"กรณ์" เตรียมแจง ครม. หนี้สาธารณะปี 2553 พุ่ง 4.46 ล้านล้าน คิดเป็นจีดีพีสูง 44.67% เหตุรบ.ก่อหนี้ใหม่ฟื้นฟู ศก. คลังชี้ยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนไม่เกิน 50% นายกฯลั่นไม่ทำประเทศเสียหาย คุยใช้หนี้ได้หลังศก.ฟื้น นัดถก ครม.ศก. 25 มี.ค. ตั้งเป้า 3 ปี ลงทุนเมกะโปรเจคต์ 1.4 ล้านล้านบาท ชดเชยเศรษฐกิจโลกวูบ ดันแผนกู้นอก 7 หมื่น ล. เข้าสภาสัปดาห์นี้
รบ.ดันกู้นอก7หมื่น.ล.เข้าสภา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ถึงการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 มีนาคม ว่า ในสัปดาห์หน้ารัฐบาลเสนอกรอบการเจรจาเงินกู้จากต่างประเทศประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่ากังวลกับการกู้เงิน เพราะรัฐบาลทุกยุคก็ทำเช่นนี้ สิ่งสำคัญคืออย่าทำให้เกิดผลกระทบการเงินการคลังของประเทศในวันข้างหน้า และเมื่อกู้เงินมาแล้วต้องใช้ให้คุ้มค่า
"ทั้งนี้ จากการนำตัวเลขต่างๆ มาดูเห็นว่าการที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว ทำให้การค้าหดหายไปร้อยละ 20-30 จึงจำเป็นต้องหาเงินมาชดเชยในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น ในช่วง 3 ปีข้างหน้าตั้งใจว่ารัฐบาลต้องเป็นผู้ลงทุนประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท โดยรายละเอียดโครงการต่างๆ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โครงการถนนไร้ฝุ่น โครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านแหล่งน้ำ โครงการชลประทานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและสาธารณสุขด้วย ฯลฯ จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เศรษฐกิจในวันที่ 25 มีนาคม"
รับ2-3ปีหนี้คนไทยอาจพุ่ง60%
นายอภิสิทธิ์กล่าวยืนยันว่า การกู้เงินจากต่างประเทศไม่ได้เป็นเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในรอบแรกไม่ได้ผล แต่ต้องมองถึงการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว ทั้งนี้มั่นใจว่าหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นมา เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นมา ไทยจะมีความพร้อมในการแข่งขัน และมีรายได้เพียงพอที่จะย้อนกลับไปชำระหนี้ได้สบายๆ แต่ยอมรับว่าหนี้สินของคนไทยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้ามีโอกาสพุ่งสูงถึงร้อยละ 60 ขณะนี้จึงต้องมองหาทางเลือกอื่นๆ คือ การเก็บภาษีเหล้าเบียร์
"ขอยืนยันว่าผมเข้ามาเป็นรัฐบาลในช่วงวิกฤตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เราไม่เคยทำให้ประเทศชาติเสียหายในระยะยาว ตรงกันข้ามจะดูแลในเสถียรภาพความมั่นคงเป็นอย่างดี โดยผมได้ปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับทางกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยตลอดเวลา" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทจะถึงมือประชาชนในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการตั้งโต๊ะรับซื้อเช็คในราคาต่ำกว่า 2,000 บาทนั้น ถ้าใครมีข้อมูลขอให้แจ้งมาที่รัฐบาลเพื่อจะได้เข้าไปติดตามดูแล อย่างเมื่อ 2-3 วันก่อน ได้รับแจ้งว่ามีคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม แต่จู่ๆ ชื่อก็ไปโผล่ในระบบ จึงสั่งการให้ตรวจสอบทันที
เร่งสกัดวิกฤตสังคม-ฟื้นศก.
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์เป็นประธานเปิดโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในสังคมและชุมชน หรือโครงการ "ต้นกล้าอาชีพ" มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ฯลฯ เข้าร่วม
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจกำลังเกิดขึ้นทั่วโลกและกระทบมาถึงประเทศไทย รัฐบาลนี้ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญไว้ 2 ประการคือ 1.จะไม่ทำให้วิกฤตเศรษฐกิจลุกลามไปเป็นวิกฤตของสังคม หรือวิกฤตชีวิตของประชาชน ดังนั้น ปัญหาการว่างงานจึงเป็นปัญหาสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องดูแล ภายใต้นโยบายประคับประคองเศรษฐกิจเพื่อลด หรือชะลอการเลิกจ้างให้ได้มากที่สุด พร้อมชดเชยดูแลผู้ที่ถูกปลดออกจากงานไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนมากเกินไป และ 2.เศรษฐกิจที่ฟื้นจากวิกฤตต้องเป็นเศรษฐกิจที่ดีกว่าเดิมในแง่ของความสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน และสอดคล้องกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เหล่านี้คือที่มาของโครงการต้นกล้าอาชีพ
เชื่อต้นกล้าอาชีพช่วย5แสนคน
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า หลักการสำคัญของโครงการต้นกล้าอาชีพคือการสร้างโอกาสใหม่ให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วยการทำงานอย่างบูรณาการ โดยใช้งบฯกลางปี 6.9 พันล้านบาท เพื่อฟื้นฟู ฝึกอบรม และสร้างโอกาสให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 5 แสนคน โดยให้เข้ารับการฝึกอบรมทักษะที่หลากหลาย อาทิ ด้านเกษตร การผลิต การบริการ การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ คมนาคม ก่อสร้าง ฯลฯ มีการเตรียมงานรองรับหลังจากนั้น โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม นอกจากนี้หากผู้เข้าร่วมโครงการนำความรู้และทักษะต่างๆ กลับไปทำงานที่ภูมิลำเนาเดิมของตน โดยไม่ต้องมาแสวงหาแย่งโอกาสกันในเมือง ก็จะมีเงินทุนสนับสนุนการเริ่มต้นชีวิต หรือธุรกิจใหม่ให้ ซึ่งถือเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกิดความสมดุล มีการกระจายโอกาสและรายได้ไปสู่ชนบทมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการ "ต้นกล้าอาชีพ" จะเปิดให้ประชาชนอายุ 18-60 ปี สมัครเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรพัฒนาความสามารถฝีมือแรงงานกว่า 1,000 หลักสูตร ใน 8 กลุ่มวิชาชีพ โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับการฝึกอบรมฟรีหมด และยังได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงและค่าเดินทางด้วย ทั้งนี้ จะเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ รุ่นแรกเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 18-24 มีนาคม และรุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 11 - 22 พฤษภาคม ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายช่วยผู้ว่างงานในปี 2552 จำนวน 2.4 แสนคน และในปี 2553 อีก 2.6 แสนคน
หนี้สาธารณะปี2553 พุ่ง4.46ล้านล้าน
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 มีนาคม นี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะรายงานแนวโน้มหนี้สาธารณะคงค้างในปีงบประมาณ 2552-2553 ให้ที่ประชุมรับทราบ โดยคาดการณ์ว่า เมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณ 2552 (30 กันยายน 2552) หนี้สาธารณะประเทศจะอยู่ที่ 4,063,011 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 4,460,401 ล้านบาท เมื่อสิ้นปีงบประมาณ (30 กันยายน 2553) เนื่องจากมีการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ เพราะรัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถขยายตัวได้
"เมื่อพิจารณายอดหนี้สาธารณะเปรียบเทียบกับผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) พบว่า หนี้สาธารณะต่อ จีดีพี เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2552-2553 จะมีสัดส่วนที่ 42.73% และ 44.67% ตามลำดับ ส่วนของภาระหนี้ต่องบประมาณจะอยู่ที่ระดับ 10.20% ในปีงบประมาณ 2552 และ 12.20% ในปีงบประมาณ 2553 โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่าแม้ภาระหนี้ต่องบประมาณจะมีมากขึ้น แต่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี และภาระหนี้ต่องบประมาณยังคงอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี มีสัดส่วนไม่เกิน 50% และภาระหนี้ต่องบประมาณมีสัดส่วนไม่เกิน 15%" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนสถานะหนี้สาธารณะล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 มีจำนวน 3,415,564.96 ล้านบาท คิดเป็น 37% ของจีดีพีที่มีค่าเท่ากับ 9,232,200 ล้านบาท โดยหนี้ทั้งหมดเป็นหนี้ในประเทศ 3,011,065.86 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 404,499.10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88% และ 12% ตามลำดับ และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ระดับหนี้สาธารณะคงค้าง เมื่อสิ้นปี 2547-30 พฤศจิกายน 2551 อยู่ในช่วง 3,085,273.51-3,415,565.96 ล้านบาท โดยหนี้สาธารณะต่ำสุดในปี 2550 และสูงสุดในปี 2551 และที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้บริหารและจัดการหนี้สาธารณะที่มีประสิทธิภาพด้วยวิธีการต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างได้ 284,198.17 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 45,567.14 ล้านบาท
พท.อัดปชป.ทำชาวบ้านเป็นหนี้
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อาคารบีบีดี บิวดิ้ง ว่า ที่นายกรัฐมนตรีระบุว่ามีแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ว่า ทำให้เห็นว่าของฟรีไม่มีในโลก มีแต่ตัวเลขต่างตอบแทน ซึ่งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าส่อที่จะล้มเหลว เหมือนตำน้ำพริกละลายมหาสมุทร โดยเฉพาะการกู้เงินจากต่างประเทศ 7 หมื่นล้าน ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจก็อยู่ในลักษณะกู้มาแจก ทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่ม ทำให้เงินขาดมือ เมื่อไม่พอก็ไปรีดภาษีทำให้คนไทยอีก 63 ล้านคนที่จะต้องรับภาระใช้เงินต้นและดอกเบี้ยในระยะยาว อยากตั้งฉายารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่า " ถ้าประชาธิปัตย์มา ประชาชนต้องเป็นหนี้ "
ธปท.พบตกงานใหม่เพิ่ม2แสน
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่บทความของ นายนพดล บูรณะธนัง ผู้บริหารส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจด้านอุปทาน ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เรื่อง "ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การปรับตัวของภาคธุรกิจและผลกระทบต่อการจ้างงาน" โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างหนักขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบที่รุนแรง และเร่งหาทางรับมือปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จากการสำรวจพบว่า จะใช้แนวทางปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิตสูงถึง 90% รองลงมาใช้ จะจัดการบริหารสินค้าคงคลัง แสวงหาตลาดใหม่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ใช้แนวทางลดคนงานลดเพียง 12% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่า ภาคธุรกิจต้องการรักษาคนของตนเองให้นานที่สุด เพราะแรงงานมีทักษะฝีมือที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา จึงถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญ
นอกจากนี้ ภาคธุรกิจจะใช้แนวทางลดเวลาการล่วงเวลาลง โดยเฉพาะกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก และปรับค่าจ้างใหม่ เพื่อให้การบริหารองค์กรภายในมีความยืดหยุ่นสามารถรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น คาดว่าปีนี้จะมีคนตกงานรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 คน เมื่อเทียบกับปีก่อน และเชื่อมั่นว่า รัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกทั้งช่วยเหลือแรงงานที่มีรายได้ต่ำเดือนละ 2,000 บาท, การขยายเวลารับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจาก 6 เดือนเป็น 8 เดือน, จัดอบรมฝีมือแรงงาน ช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากเศรษฐกิจถดถอยลงได้ และช่วยรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต
"บ.เอกชน"โคม่าขาดสภาพคล่อง
ขณะที่ภาคเกษตรกรรมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และมีสัดส่วนการจ้างงานอยู่ที่ 40% ของการจ้างงานทั้งหมด หรือประมาณ 16 ล้านคนถือเป็นจำนวนที่สูงอยู่ จึงคาดว่าภาคเกษตรกรรมจะสามารถรองรับประชาชนที่ตกงานได้ เห็นได้จากจำนวนการจ้างงานในภาคเกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับวัฏจักรการจ้างงานของภาคเกษตรจะสวนทางกับวัฏจักรเศรษฐกิจ ดังนั้น ภาคเกษตรจึงเป็นตัวรองรับปัญหาว่างงานได้เป็นอย่างดี แม้ในปัจจุบันราคาพืชผลทางเกษตรจะไม่สูงมากนักก็ตาม
"การประคองธุรกิจให้อยู่ได้ต่อไป เชื่อว่าจะเป็นแนวทางสำคัญช่วยแก้ปัญหาตกงานได้ และจากการสอบถามข้อมูลไปยังบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ รวมทั้งบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม ส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน และประกันสินเชื่อ เนื่องจากยอดขายลดลง สถาบันการเงินจึงเข้มงวดปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จึงเผชิญกับปัญหาขาดสภาพคล่องเพิ่มขึ้น" บทความของ ธปท.ระบุ
เผยหนี้สาธารณะปี′53พุ่งสูง 4.46 ล้านล้าน เหตุก่อหนี้ใหม่ฟื้นฟูศก. มาร์ค ยังหวังฟื้นได้ใช้คืนหมดแน่
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เผยหนี้สาธารณะปี′53พุ่งสูง 4.46 ล้านล้าน เหตุก่อหนี้ใหม่ฟื้นฟูศก. มาร์ค ยังหวังฟื้นได้ใช้คืนหมดแน่