นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวภายหลังปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (21 มี.ค.) ว่า
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่รู้สึกแคลงใจที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจน้อยกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนอื่น 9 คะแนน เพราะถือว่าเป็นการแปรปรวนเล็กน้อย
เนื่องมาจากเหตุผล 3 ปัจจัย คือ
1.นายกษิตประกาศชัดว่าจะยืนหยัดตรงกันข้ามกับระบอบทักษิณจนชีวิตจะหาไม่
2.ได้ทำหน้าที่จัดการกับสิ่งพะรุงพะรังกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างเข้มข้น เช่น การยึดพาสปอร์ต และการติดตามส่งผู้ร้ายข้ามแดน และ
3.เป็นพวกที่ยืนอยู่คนละพวกกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนไหวมาตลอด ซึ่งเป็นเรื่องติดตัวมาก่อนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พรรคร่วมรัฐบาลจึงตั้งธงเอาไว้ว่าจะไม่ลงคะแนนให้
"ส่วนการที่พรรคร่วมรัฐบาลกดดันให้ปรับนายกษิตออก อาจส่งผลทำให้เกิดการล้างระบอบทักษิณยากลำบากขึ้น ถ้าสังคมให้รางวัลกับนายกษิตแบบนี้ พันธมิตรฯจะรู้สึกเสียใจ แต่คงไม่เคลื่อนไหวอะไร เพราะเข้าใจนายกษิตดีว่าไม่ได้ต้องการอะไร ขณะนี้ภาระของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ยังไม่สิ้นสุดเกี่ยวกับการล้างระบอบทักษิณ แต่หากรัฐบาลจะคิดอย่างไรกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันธมิตรรับได้หมด" นายสมเกียรติ กล่าว
ด้าน นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการโหวตลงคะแนนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า
ตนได้โหวต งดออกเสียงให้นายกษิต ตามที่ได้ประกาศไว้แล้วตามเอกสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 126 ให้ส.ส.สามารถใช้เอกสิทธ์ส่วนตัวได้ ขอชี้แจงว่า จำเป็นต้องโหวตไม่เป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ของพรรค แม้ตนจะเป็นส.ส.สังกัดพรรคเดียวกัน เพราะอยากให้บ้านเมืองสงบ เนื่องจากถ้านายกษิตยังนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อไป กลุ่มคนเสื้อแดงก็ใช้กรณีของนายกษิตเป็นข้ออ้างหลักในการรวมตัวชุมนุม สำหรับพื้นที่อื่นตนไม่ทราบแต่ในจ.ปราจีนบุรีชาวบ้านที่เลือกตนเข้ามา เขาฝากบอกมาเช่นนี้ และตนก็ได้ยึดหลักตามที่นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรกซึ่งเป็นคนจังหวัดปราจีนบุรียึดถือมาโดยตลอด คือ ยึดถือความถูกต้องเป็นหลักใหญ่
การที่ตนย้ายเข้ามาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์คนเดียวก็ชี้ชัดแล้วว่า ไม่ติดยึดตำแหน่งหรือเก้าอี้ใดๆ ดังนั้นการจะปลดตนออกจากการเป็นวิปรัฐบาลก็ไม่เป็นไร หากผู้ใหญ่ในพรรคเห็นเช่นนั้น เพราะส่วนตัวก็ยังยืนยันทำหน้าที่ต่อไปโดยยึดหลักความถูกต้องเป็นธรรม และพร้อมที่จะชี้แจงเหตุผลต่างๆ ที่โหวตลงมติเช่นนี้ในที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในวันอังคารที่ 24 มี.ค.นี้