(17มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 16 มี.ค.2552
เพื่อเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระการประ ชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระการประชุมสภาฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 19 มี.ค.และได้นัดให้มีประชุมสภาฯเป็นพิเศษในวันพฤหัสบดีที่ 19 มี.ค.และวันศุกร์ที่ 20 มี.ค.เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
เร่งรีบเลื่อนกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วขึ้นว่า ได้คุยกับพ.อ.อภิวันทน์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า กำหนดการประชุมเดิมในวันที่ 20 มี.ค. จะเป็นการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่องการขอความเห็นชอบกรอบการกู้เงินจากต่างประเทศ 70,000 ล้านบาท แต่ดูพฤติกรรมของนายชัยแล้ว ไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องระเบียบวาระเท่าที่ควร การปล่อยให้สภาถูกฝ่ายบริหารเข้ามาครอบงำไม่ถูกต้อง ซึ่งตนเริ่มหวั่นวิตกและไม่มั่นใจในตัวประธานฯ เพราะเราถูกปิดกั้นในหลายอย่าง อย่างไรก็ตามขณะนี้ต่างฝ่ายต่างเตรียมการอยู่และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐบริหารราชการแผ่นดินก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าเป็นการแก้เกมทางการเมืองหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ไม่อยากมอง เราตั้งใจที่จะนำเสนอรูปแบบใหม่
ซึ่งจะมีการปรับรูปแบบโครงสร้างการอภิปรายให้มีการสอดรับกัน เนื่องจากสไตล์การอภิปรายของสมาชิกแต่ละคนแตกต่างกัน อย่างการจัดวางทีมผู้อภิปรายในเรื่องเศรษฐกิจ แม้การอภิปรายจะเลื่อนเร็วขึ้นมา เรายังคงยืนยันความพร้อมในการทำงาน แต่เราต้องทำงานหนักกว่าเดิม ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะกล้าทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเขาจะกล้า
เมื่อถามว่าทางรัฐบาลวางกรอบเวลาการอภิปรายไว้ 2 วัน นายวิทยากล่าวว่า ดูจากข้อเท็จจริงที่มีแล้วอาจทำให้เวลาคลาดเคลื่อน
ดังนั้นเวลา 2 วันที่วางไว้ไม่น่าจะพอ เพราะมีผู้ประสงค์จะอภิปรายเกิน 40 คน เมื่อถามถึงกระแสข่าวการซื้อตัวส.ส.ให้โหวตให้กับฝ่ายรัฐบาลด้วยตัวเลข 7 หลัก นายวิทยากล่าวว่า มีข่าวมานานแล้ว ก็ยังมีความพยายามจะทำกันอยู่ แต่อย่าไปพูดเลย เอาไว้ดูตอนโหวตดีกว่า “สำหรับคนที่จะรับเงินเพื่อโหวตสวนมติพรรคนั้น ถ้ายังลืมตาไม่สว่างก็ยินดีให้ไป คนพวกนี้เป็นประเภทพวกหูหนวก ตาบอด อยากจะไปก็ไม่เป็นไร”นายวิทยากล่าว
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เปิดเผยว่า ทางประธานสภาฯได้แจ้งมาแล้วว่าได้มีการบรรจุการอภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป
เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเรียบร้อยแล้ว โดยญัตติดังกล่าวไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงไม่ต้องหารือกันระหว่างประธานสภาและรองประธานสภาฯแล้ว ซึ่งประธานสภาฯก็ได้ทำหนังสือถึงรัฐบาล และพรรคการเมืองทุกพรรคแล้วว่าจะมีการพิจารณาญัตติดังกล่าวในวันที่ 19-20 มี.ค.นี้และจะมีการลงมติในวันที่ 21 มี.ค.
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เร็วขึ้น มาเป็นวันที่ 19 - 20 มี.ค. และลงมติในวันที่ 21 มี.ค.
ก่อนหน้านี้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาตั้งแง่ถึงการลงชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยลงชื่อทั้ง 2 ฉบับว่า อาจจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ มาวันนี้นายชัยออกอากการกลัวอะไรสักอย่าง โดยเลื่อนวันอภิปรายให้เร็วขึ้น เพราะเท่าที่รู้มาพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลไปดูฤกษ์ผานาที พึ่งไสยศาสตร์ เพราะเชื่อว่าหากมีการอภิปรายในวันที่ 19 - 20 มี.ค.นั้นรัฐบาลอาจจะรอด แต่ไม่เป็นไรพรรคเพื่อไทยมีความพร้อม จะอภิปรายอภิปรายเมื่อไหร่ก็ได้ จะเอาเปรียบอย่างไรก็เชิญ ขอย้ำว่าเราจะชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมฉ้อฉล ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆอย่างไร แม้เสียงในสภาจะสู้ไม่ได้ แต่เชื่อว่าเสียงนอกสภาจะล้นหลาม คนที่ตัดสินใจยกมือไว้วางใจนายอภิสิทธิ์และรัฐมนตรีจะต้องเอาปี๊บคลุมหัว เพราะไม่กล้ากลับไปสู้หน้าประชาชนในพื้นที่