คมชัดลึก :"โพลล์"เอแบค เผยผลสำรวจหัวข้อ "ถอดรหัสวาทะทักษิณ" เกินครึ่งไม่เชื่อที่"ทักษิณ"จ้อโฟนอินรายวัน เย้ยเชื่อว่าถ้าทักษิณมาเป็นนายกฯก็ไม่ทำให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้นได้ ขณะที่ "ทักษิณ"ได้โฟนอินอ้อนปชช.หนุน พท.อีก
(15มี.ค.) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผล “เอแบคเรียลไทม์โพลล์” ในหัวข้อเรื่อง ถอดรหัสวาทะทักษิณ ในความเชื่อหรือไม่เชื่อของคนไทย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 18 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงราย เชียงใหม่ อ่างทอง สระแก้ว พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรปราการ ยโสธร มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครราชสีมา สตูล สุราษฎร์ธานี จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 2,128 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 13 -14 มีนาคม ด้วยระบบเทคโนโลยีสื่อสารเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลและประมวลผล แบบเรียลไทม์หลังจากที่มีข่าวการโฟนอิน และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมา ทั้งนี้ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกสัปดาห์
ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.8 ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ร้อยละ 24.2 ไม่ทราบข่าว และเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนว่ารัฐบาลจะสามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ พบว่า เกินกว่าครึ่งหรือร้อยละ 52.8 ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาได้ มีเพียงร้อยละ 23.7 ที่เชื่อ และร้อยละ 23.5 ไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.7 ไม่เชื่อตามคำกล่าวอ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ว่านายอภิสิทธิ์ เร่งให้ส่งตัวกลับประเทศเพราะมีเป้าหมายทางการเมืองและต้องการให้ขายหน้าเท่านั้น ในขณะที่ร้อยละ 23.0 เชื่อ และร้อยละ 19.2 ไม่มีความเห็น ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.3 ไม่เชื่อว่าจะสามารถสมานฉันท์กันได้ระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะที่ร้อยละ 25.5 เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ และร้อยละ 12.2 ไม่มีความเห็น
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ตัวอย่างประชาชนเกือบครึ่ง หรือร้อยละ 48.3 ไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและคณะทำงาน “ขาด” วิสัยทัศน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ร้อยละ 37.2 เชื่อ และร้อยละ 14.5 ไม่มีความเห็น นอกจากนี้ เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.2 ไม่เชื่อว่าถ้า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะไม่กู้เงินมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ในขณะที่ร้อยละ 33.1 เชื่อคล้อยตาม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ และร้อยละ 12.7 ไม่มีความเห็น
ที่น่าพิจารณาคือ เกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.6 ไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 39.9 เชื่อ และร้อยละ 11.5 ไม่มีความเห็น
และอีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 50.5 เชื่อว่า ถ้า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ หยุดเคลื่อนไหวแล้วประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติ ในขณะที่ร้อยละ 38.7 ไม่เชื่อ และร้อยละ 10.8 ไม่มีความเห็น นอกจากนี้ ครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 50.4 ไม่เห็นด้วยต่อ แนวคิดเสนอให้มีร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติเพื่อการนิรโทษกรรม ในขณะที่ร้อยละ 35.7 เห็นด้วย และร้อยละ 13.9 ไม่มีความเห็น และประเด็นสำคัญ คือ ร้อยละ 45.8 คิดว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะทำงานต่อไปได้ไม่เกิน 1 ปี ร้อยละ 39.1 คิดว่าจะอยู่ทำงานได้เกิน 1 ปี และร้อยละ 15.1 ไม่มีความเห็น
ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวอีกว่า ผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าฐานสนับสนุนที่เชื่อและไม่เชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอยู่มาก สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลให้กลุ่มพลังเงียบที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ถูกผลักดันให้เลือกข้างด้วยประเด็นต่างๆ ทางการเมืองของกลุ่มเคลื่อนไหวที่หลากหลาย และเมื่อประเทศไทยกำลังมีขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เข้มข้นแย่งชิงพื้นที่สื่อสารมวลชนเพื่อส่งข้อความสำคัญ และภาพสัญลักษณ์ของจุดยืนทางการเมืองไปยังกลุ่มผู้สนับสนุนให้เกาะกลุ่มอยู่เคียงข้างพรรคพวกของตนเองอย่างเหนียวแน่นเช่นนี้ ผลที่ตามมาคือ การเมืองไทยกำลังเข้าสู่การใช้ความรุนแรงเข้าหากันอีกครั้งโดยหลีกเลี่ยงได้ยาก
“ดังนั้นทางออกที่น่าพิจารณาคือ “มาตรการทางสังคม” จากคนทุกชนชั้นหนุนเสริมบรรยากาศที่ดีของสังคมไทยสื่อสารไปยังกลุ่มคนที่กำลังขัดแย้งทุกกลุ่ม เพื่อหาทางออกร่วมกันที่จะยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ เปลี่ยนถ่ายความขัดแย้งมาเป็นการสนทนาถกแถลงหาข้อตกลงร่วมกัน โดยชี้ให้เห็นว่า การใช้ความรุนแรงประลองกำลังกันของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไม่ใช่ทางออกที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนทั่วไปจะเดือดร้อนและอาจสูญเสีย จึงแนะให้กลุ่มการเมืองแต่ละฝ่ายถอด “หัวโขน” แห่งอำนาจออก แต่หันมาสวมบทบาทประชาชนคนไทยธรรมดาแบบชาวบ้านที่จับเข่าคุยกันได้และชี้ชวนให้ประชาชนคนไทยคนอื่นๆ ทั่วประเทศหันหน้าปรึกษา หารือแก้ไขปัญหาของตนเองและสังคมส่วนรวมร่วมกันสู่ประชาธิปไตยวิวัฒน์อีกขั้นหนึ่ง” ดร.นพดล กล่าว
"ทักษิณ"โฟนอินอ้อนปชช.หนุน พท.
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินมายังโทรศัพท์มือถือของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ขณะลงพื้นที่พบปะประชาชนที่วัดบำเพ็ญเหนือ โดยมีระยะเวลาประมาณ 5 นาที โดยมีใจความสำคัญว่า เป็นห่วงเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตขณะนี้ พร้อมทั้งขอบคุณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายวิชาญ ที่ไม่ทิ้งตนเอง ทั้งยังช่วยเหลือให้ตนได้รับความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวอ้อนวอนประชาชนให้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนจะตระเวนในต่างประเทศไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับประเทศไทย
ขณะที่นายวิชาญ ระบุถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ว่า ไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาก่อน